อดีตอาจารย์จุฬาฯ ผู้ต้องหาหนีคดีหมิ่นสถาบัน ตีพิมพ์บทความในกระบอกเสียงเสื้อแดง ซัด นปช.ค่อยๆ สลายขบวนการเสื้อแดง ทั้งที่ปากบอกไม่ทิ้งกัน ชี้เสื้อแดงก้าวหน้าบกพร่องสร้างองค์กรแยกตัว เผยแนวคิดตั้ง “พรรคสังคมนิยม” โน้มน้าวเรื่องชนชั้นถึงคนหัวกลางๆ แนะควรทำงานกับคนเสื้อแดง เพ้อต้องไม่ใช่พรรคของผู้ใหญ่ ไม่พึ่งเงินทุนจากที่อื่น ให้รับภาระต่อสู้ชนชั้นล่างแทน “นปช.-เพื่อไทย” ที่หักหลังทรยศ
วันนี้ (5 ก.ย.) เว็บไซต์ไทยอีนิวส์ กระบอกเสียงของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ตีพิมพ์บทความของนายใจ อึ๊งภากรณ์ อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ในหัวข้อ “6 ปีหลังรัฐประหาร สงครามคู่ขนาน : ประชาชนหรือนายทุน เสื้อแดงหรือทักษิณ” โดยระบุว่า ในสงครามเสื้อแดง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ซึ่งบางคนเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต ก็มองว่าภาระหลักของ นปช. คือการเป็นกองเชียร์ให้พรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน
ทั้งนี้ การสนับสนุนเป้าหมายของทักษิณและยิ่งลักษณ์ในการนำสังคมไทยกลับคืนสู่สภาพปกติท่ามกลางความเหลื่อมล้ำและการขูดรีด ทั้งๆ ที่มีการใช้วาจาสร้างภาพว่าจะไม่ทอดทิ้งกัน แกนนำ นปช.ก็ค่อยๆ สลายขบวนการเสื้อแดง และหันหลังให้กับผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา) ไม่มีการรณรงค์อย่างเต็มที่ให้ลบผลพวงของรัฐประหาร ให้มีการยกเลิกมาตรา 112 และให้มีการนำทหารและนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์มาขึ้นศาลแต่อย่างใด และเวลาก็ผ่านไปกว่าหนึ่งปีหลังชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งแล้ว
นายใจกล่าวต่อว่า อย่าเข้าใจผิดว่าการออกมาต่อสู้ของเสื้อแดงเป็นเรื่องสูญเปล่า ประชาชนไม่เคยได้อะไร และต้องถูกแกนนำหลอกเสมอ แต่ถ้าเสื้อแดงไม่ได้ออกมาสู้ จะไม่มีกระแสการปฏิรูปการเมืองจริงๆ เช่น การรณรงค์ของกลุ่มนิติราษฎร์ หรือผู้ที่ต้องการจัดการกับมาตรา 112 และถ้าไม่ออกมาสู้อำมาตย์ ก็จะมั่นใจยิ่งกว่านี้ว่าทำอะไรกับเราก็ได้ เรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็อาจไม่เกิดด้วย การที่แกนนำ นปช. สามารถทำลายความฝันของเสื้อแดงในการปฏิรูปสังคมไทยและสามารถหักหลังวีรชนได้ ไม่น่าแปลกใจ ถ้าเข้าใจว่าเสื้อแดงก้าวหน้าบกพร่องในการสร้างองค์กรทางการเมืองที่อิสระจาก นปช.
ทั้งนี้ ถ้าอยากให้เรื่องแบบนี้จบ คนเสื้อแดงก้าวหน้าต้องรู้จักรวมตัวกันทางการเมืองในลักษณะที่อิสระจากพวกผู้ใหญ่ โดยร่วมกันสร้าง “พรรคสังคมนิยม” โดยมีเป้าหมายขยายความคิดจากประเด็นการเมืองทางชนชั้น ไปสู่คนส่วนใหญ่ที่มีความคิดกลางๆ ระหว่างความก้าวหน้ากับความล้าหลัง หรือซ้ายกับขวา โดยควรทำงานกับคนเสื้อแดง ก่อนที่ขบวนการนี้จะสูญหายไปหมดภายใต้นโยบายของ นปช. และพรรคเพื่อไทย ถ้าจะมีการเปลี่ยนสังคมอย่างถอนรากถอนโคน ซึ่งจะนำไปสู่เสรีภาพแท้ได้ ต้องเป็นการกระทำของมวลชนส่วนใหญ่จากล่างสู่บน ไม่ใช่การกระทำของกลุ่มเล็กๆ หรือกองหน้า ซึ่งต้องงยึดถือผลประโยชน์ชนชั้นกรรมาชีพและคนจนเป็นหลัก ไม่ควรไปเสียเวลากับคนชั้นกลางที่เลือกข้างของความป่าเถื่อน
นายใจเสนอแนวทางว่า พรรคจะต้องมีประชาธิปไตยภายใน ไม่ใช่เป็นพรรคของผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่ง ให้สมาชิกธรรมดาเป็นผู้ควบคุมนโยบาย ผู้นำ และผู้แทนของพรรคตลอดเวลา พรรคต้องอาศัยเงินทุนที่เก็บจากสมาชิกในอัตราก้าวหน้าเป็นหลัก ไม่ใช่ไปพึ่งเงินทุนจากที่อื่นและตกเป็นเครื่องมือของคนมีเงิน และถึงแม้ว่าพรรคจะมีทุนน้อย แต่สิ่งที่ทำให้ได้เปรียบพรรคนายทุนทุกพรรคคือการเป็นพรรคของมวลชนจริง การดึงคนมาสนับสนุนพรรคจึงทำภายใต้นโยบายที่ชัดเจน และผู้สนับสนุนพรรคจะไม่เข้ามาร่วมภายใต้นโยบายของพรรคเท่านั้น แต่จะได้รับการส่งเสริมให้นำตนเอง และมีส่วนร่วมในการเสนอนโยบายด้วยสิทธิเท่าเทียมกัน
“พรรคสังคมนิยมไม่ใช่พรรคประเภทบนลงล่างที่โกหกว่า คุณเลือกเราเป็น ส.ส. แล้วเราจะทำให้คุณทุกอย่าง ในระยะสั้นพรรคต้องไม่ตั้งเป้าหลักที่การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา เพราะรัฐสภาไม่ใช่ศูนย์กลางอำนาจแท้ในระบบประชาธิปไตยครึ่งใบของนายทุน การจดทะเบียนพรรคจึงไม่สำคัญ อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบปัจจุบันอาจเป็นโอกาสดีสำหรับการโฆษนาแนวคิดในอนาคต พรรคจะต้องเป็นแหล่งรวมของประสบการณ์และทฤษฎีการต่อสู้ แหล่งรวมของนักเคลื่อนไหวไฟแรง และเป็นเครื่องมือในการประสานงานและปลุกระดมการต่อสู้ในหมู่กรรมาชีพกับคนจน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยตามความใฝ่ฝันของเสื้อแดง พูดง่ายๆ พรรคสังคมนิยมควรรับภาระในการต่อสู้ต่อไปของคนชั้นล่างท่ามกลางการหักหลังทรยศของพรรคเพื่อไทยและ นปช.” นายใจกล่าวทิ้งท้าย