ปธ.พิจารณางบฯ 56 ชี้งบขับเคลื่อนนโยบายรัฐมีซ้ำซ้อน ไม่สนองปัญหาเร่งด่วน แต่ภาพรวมยังพอรับได้ ระบุเพื่อความโปร่งใสปีหน้า ขอให้แจงรายละเอียดงบฉุกเฉินด้วย วอน รบ.รักษาวินัยทางการเงิน ปรับฐานภาษีให้เหมาะสม รอบคอบใช้งบเงินกู้ และคำนึงถึงประสิทธิผลมากกว่าประโยชน์ทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (4 ก.ย.) ในการประชุมวุฒิสภาการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาเรื่องด่วน คือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 จำนวน 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว ในวันที่ 2 เป็นการอภิปรายในภาพรวมของ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2556 หลังจากที่ในวันแรกได้มีการลงรายละเอียดเป็นรายกระทรวง และหน่วยงาน โดยตัวแทนของคณะกรรมาธิการฯ ประจำวุฒิสภา โดยนายนิคมแจ้งต่อที่ประชุมว่ามี ส.ว.ที่ขออภิปรายจำนวน 48 คน ทั้งนี้ ได้กำหนดเวลาอภิปรายคนละไม่เกิน 15 นาที เบื้องต้นจะใช้เวลา 12 ชั่วโมง ดังนั้น การอภิปรายจะแล้วเสร็จเวลาประมาณ 22.00 หรือ 23.00 น. จากนั้นจะมีการลงมติ ดังนั้นขอให้ ส.ว.มีการอภิปรายตามกรอบเวลา หากอภิปรายไม่ถึง 15 นาทีไม่เป็นไร แต่อย่าขอให้เกินเวลา
สำหรับภาพรวมของการอภิปราย ยังคงเป็นการอภิปรายในภาพรวมทั้งหมด ของ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2556 โดย นายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ภาพรวมของการจัดทำงบประมาณของรัฐบาล ในปี 2556 ถือว่ายอมรับได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ยังมีบางประเด็นที่น่ากังวล คือ สัดส่วนรายได้ ที่สูงกว่างบประมาณเพื่อใช้ในการลงทุน ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะยืนยันว่าจัดทำงบประมาณแบบสมดุล ในปี 2559 ตนขอให้รัฐบาลเข้มงวดต่อการรักษาวินัยทางการเงิน การคลัง รวมถึงหามาตรการจัดเก็บรายได้ทางภาษี โดยการลดภาษีบางประเภท หรือ ขยายฐานภาษีบางประเภท เช่น การจัดเก็บภาษีมรดก และปรับภาษีมูลค่าเพิ่มให้เหมาะสม นอกจากนั้นแล้วในการใช้งบประมาณ ซึ่งมาจากเงินกู้ ขอให้ใช้ความระมัดระวัง รอบคอบ และคำนึงถึงประสิทธิผลมากกว่าประโยชน์ทางการเมือง
นายพิเชตกล่าวต่อว่า ในการทำงบประมาณปีถัดไป ขอเรียกร้องให้รัฐบาลระบุในรายละเอียดของตัวเลขงบประมาณ ในส่วนของการจัดสรรงบเพื่อสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉินและจำเป็น เพื่อให้รัฐสภาได้พิจารณาตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส นอกจากนั้นแล้วในการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนองยุทธศาสตร์ของรัฐบาล พบว่า ไม่ได้มีการตอบสนองปัญหาที่สำคัญและเร่งด่วน รวมถึงการทำงบประมาณ ยังมีความซ้ำซ้อน ทั้งนี้บางภารกิจควรมีการบูรณาการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตนมองว่าการทำงานที่ซ้ำซ้อนขาดการบริหารจัดการที่ชัดเจนจะเป็นปัญหาและเป็นภาระต่องบประมาณ