ผ่าประเด็นร้อน
ถือว่ายังคงเส้นคงวาร้อนแรงได้ตลอดเวลาสำหรับ “เสี่ยโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่ล่าสุดถูกส่งมาประจำการในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ไม่ทำให้เสียยี่ห้ออยู่ที่ไหน “วงแตก” ที่นั่น กับผลงานล่าสุดสั่งย้าย “3 นายพล” คู่กรณีแบบยกกระบิ แบบไม่ไว้หน้านั่นคือ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ พ้นจากปลัดกระทรวงกลาโหม ทั้งที่เหลือเวลาอายุราชการในตำแหน่งเพียงแค่เดือนเศษเท่านั้น พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ถูกเสนอชื่อจาก พล.อ.เสถียร ให้ขึ้นมา รวมไปถึง พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ที่โดนหางเลขไปด้วย
การโยกย้ายดังกล่าวเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร เพราะอย่างที่บอกว่าคนที่ถูกย้าย คือ พล.อ.เสถียร ก็ไม่ใช่ธรรมดา เพราะหากย้อนรอยกลับไปเมื่อปีที่แล้วเมื่อครั้งชิงดำกับ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ที่สามารถข้ามห้วยจาก บก.กองทัพไทย “หักด่าน” จนขึ้นมานั่งเก้าอี้ปลัดฯกลาโหม มาคราวนี้โดน “ย้อนศร” อย่างเจ็บแสบจาก พล.อ.สุกำพล ให้ พล.อ.วิทวัสมารักษาการแทนในตำแหน่งปลัดฯกลาโหม
อย่างไรก็ดี แม้ว่าหลังได้รับคำสั่งโยกย้าย พล.อ.เสถียร จะให้สัมภาษณ์ในลักษณะยอมรับสภาพ ทำใจได้ แต่รับรองว่าเรื่องราวไม่น่าจะหยุดอยู่แค่นี้ เพราะอย่างที่บอก แบ็กกราวด์คนอย่างเขาไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หลังบ้าน” ที่ไม่เบา และที่ผ่านมาที่สามารถกระโดดค้ำถ่อข้ามห้วยมาได้ก็มาจากแรงสำคัญอย่างว่านี่แหละ
ในวงการรับรู้กันว่า เธอเป็นแกนนำเสื้อแดงคนสำคัญในภาคอีสาน สามารถติดต่อประสานงานกันกับ “การเมือง” ทั้งในสายพรรคเพื่อไทย และ เสื้อแดงด้วยกันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางโอกาสยังสามารถต่อสายไปถึง “เสี่ยแม้ว” ได้ด้วย นี่แหละถึงได้บอกว่าไม่ธรรมดา ถึงขนาดก่อนหน้านี้ยังเคยมีกระแสข่าวว่าเป็นหนึ่งในแคดิเดตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนต่อไปด้วยซ้ำไป
ถึงได้บอกว่าเรื่องไม่น่าจะจบง่ายๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ รายของ พล.อ.ชาตรี ทัตติ ที่โดนร่างแหถูกเด้งพ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม ไปพร้อมๆ กันนี่แหละ เพราะได้ประกาศท่าทีชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้วว่า “ฟ้องแน่” และถือว่ามีช่องทางมากเสียด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้ว สำหรับรายของ พล.อ.ชาตรี ไม่น่าเป็นธรรมนัก ส่อไปทาง “รังแก” เพราะเป็นแค่หนึ่งในแคนดิเดตที่ถูกเสนอชื่อเท่านั้น และแม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมองว่าอยู่ใน “กลุ่มก๊วน” เดียวกัน มันก็ดูไม่แฟร์ เหมือนกับตัดอนาคตคนที่ยังต้องรับราชการไปอีกนาน ดูแล้ว “เหี้ยม” ไปหน่อย
เชื่อว่ากรณีของ พล.อ.ชาตรี นี่แหละจะเป็นเรื่องยาวตามมาแน่นอน เพราะเจ้าตัวได้ประกาศชัดเจนแล้ว
นี่ว่ากันเฉพาะกรณีการโยกย้ายจนกลายเป็นระเบิดที่กระทรวงกลาโหม ที่เป็นฝีมือของ “เสี่ยโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เจ้าเก่า
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าติดตามก็คือ ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่รอการปะทุ ระเบิดขึ้นมา เท่าที่เห็นสัญญาณแสดงออกมาบ้างแล้วก็มีที่กระทรวงมหาดไทย ภายใต้การนำของ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่กำลังยื้อกันหน้าดำคร่ำเครียด ในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ว่าจะดันใครดีระหว่างการโยก วิเชียร เชาวลิต อดีตปลัดกระทรวงฯที่เวลานี้นั่งเป็นปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กลับมานั่งที่เดิม หรือจะดันคนใหม่ที่แว่วว่าคนที่มาแรงก็คือ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) วิบูลย์ สงวนพงศ์ ขึ้นมา
ที่กระทรวงมหาดไทยนี่แหละ น่าจะร้อนแรงอีกแห่งหนึ่ง เพราะเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจให้คุณให้โทษมากมาย และหากเสร็จจากเรื่องแต่งตั้งตำแหน่งปลัดกระทรวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังต่อมาหักกันเรื่องเก้าอี้อธิบดีกรมต่างๆ รวมไปถึงระดับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
ส่วนที่น่าจับตามองอีกแห่งหนึ่งก็คือ กระทรวงคมนาคม ที่กระแสนักกระโดด “ข้ามห้วย” มาแรงมาก เพราะล่าสุดมีกระแสว่า จะดัน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มานั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นการตอบแทนรางวัลกันให้ถึงขนาด เพราะที่ผ่านมาได้ยอมเปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้อย่างสะดวก ขณะเดียวกันหากเป็นจริงก็ยังเท่ากับว่าเป็นการผ่องถ่ายเก้าอี้ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้บางคนไปนั่งเก้าอี้เลขาฯสมช.เหมือนกับยิงนัดเดียวได้หลายตัว
อย่างไรก็ดีใช่ว่าหนทางสะดวก เพราะยิ่งตำแหน่งเกรดเอ อย่างปลัดกระทรวงคมนาคม ในทางกลับกันมันก็ยิ่งมีแรงต้านที่รุนแรงเช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อถึงเวลาหากควบคุมไม่ดีก็อาจปะทุขึ้นมารุนแรงก็เป็นได้ แต่ที่น่าจับตาก็ตาก็คือ นี่คือความขัดแย้งที่สงวนเอาไว้สำหรับ “คนกันเอง” เท่านั้น แล้วแต่ว่าฝ่ายไหนจะมีกำลังภายในมากกว่ากัน ระหว่างการเมืองในพรรค กับนอกพรรค และบางจังหวะยังคาบเกี่ยวกับมวลชนคนเสื้อแดง ซึ่งนับจากนี้เริ่มได้เวลาทยอยระเบิด ไม่มีใครยอมเสียโอกาสอีกแล้ว เนื่องจากไม่อยากเสี่ยง ไม่อยากรอ เพราะรู้ดีว่าเวลาที่อยู่ในอำนาจนั้นเสื่อมถอยลงทุกทีแล้วนั่นเอง!!