xs
xsm
sm
md
lg

จะล้างอายหรือยอมเป็นเบ๊? ทางที่ผู้นำกองทัพต้องเลือก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

** “ ผมบอกแล้วว่า ผมอายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พี่ๆ ที่เกษียณก็เห็นว่า ไม่น่าเกิดขึ้น แต่เมื่อผมทำ ผมก็รับผิดชอบ และก่อนจะเซ็นขึ้นไป ผมมั่นใจในการทำ ต่อจากนี้ไม่น่ามีอะไรแล้ว ”

เป็นคำกล่าวของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ชี้แจงต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 28 ส.ค.55 เกี่ยวกับกรณีมีคำสั่งย้าย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม , พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ไปช่วยราชการสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม
โดยยอมรับอย่างหน้าชื่นไม่รู้สึกอับอายว่า " มีการประชุมไปเพียงครั้งเดียวที่ห้องทำงาน และยังไม่เห็นบัญชีโยกย้าย จนถึงเวลานี้ ก็ยังไม่เห็น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะคนที่เป็นบอร์ดคณะกรรมการในการปรับย้าย ไม่ควรจะหลุดไปข้างนอก หรือบอกให้ใครรู้ หรือไปร้องเรียนอะไร นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ต้องรู้อยู่แล้ว "
เป็นการให้ข้อมูลที่ตอกย้ำว่า พล.อ.เสถียร พูดจริง ที่ว่ามีการเรียกประชุมลับ เพื่อจัดทำโผโยกย้าย และแฉต่อว่า มีใบสั่งให้เสนอชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ พล.อ.เสถียร เห็นว่า ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบปฏิบัติที่จะเสนอชื่อนายทหาร ที่ครองอัตราจอมพล ซึ่ง รมว.กลาโหม ก็แบะท่าอีกว่า ตามระเบียบไม่จำเป็นต้องครองอัตราจอมพลก็เป็นปลัดกระทรวงกลาโหมได้ แม้ว่าจะยังเหนียมไม่เปิดชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์ ออกมาก็ตาม
แต่ธงชัดว่า การเมืองมีใบสั่งให้คณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล เลือก พล.อ.ทนงศักดิ์ เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม คำถามคือตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม คือตำแหน่งในโควต้าของฝ่ายการเมืองไปตั้งแต่เมื่อไหร่
**เป็นเรื่องที่นายทหารที่ปากอ้างว่ารักกองทัพต้องขบคิดว่า พวกท่านกำลังเปิดช่องให้การเมืองเข้าแทรกแซงกองทัพซึ่งเป็นเสาหลักในการค้ำจุนบัลลังก์ หรือไม่
ปัญหาระหว่าง พล.อ.อ.สุกำพล และ พล.อ.เสถียร มีประเด็นในเชิงหลักการสำคัญ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และสังคมไทยต้องไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ เพราะถ้าให้เรื่องนี้จบแบบไม่มีอะไรในกอไผ่ คนถูกย้ายก็รับชะตากรรมไป โดยไม่มีการแยกแยะ ผิด ถูก ชั่ว ดี ให้สังคมเห็นภาพชัดเจน
ย่อมหมายถึงว่า สังคมไทยยอมรับพฤติการณ์ลุแก่อำนาจ ส่งสัญญาณให้ผู้มีอำนาจทางการเมือง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ได้ตามอำเภอใจ ขณะที่ข้าราชการจะหดหัวอยู่ในกะดองปูแดง ไม่กล้าเผยอหน้าออกมาทัดทานความไม่ถูกต้อง เพื่อรักษาประโยชน์ชาติอีกต่อไป
ประเด็นที่ต้องพิจารณาจากบทบาทของ พล.อ.เสถียร คือ 1. มีการยัดรายชื่อปลัดกลาโหม จากฝ่ายการเมือง คือ พล.อ.อ.สุกำพล 2 ขู่ซ้ำว่าถ้าไม่เห็นด้วย เสนอชื่ออื่นมาก็จะเปลี่ยนรายชื่อเป็นพล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน และไม่ให้มีส่วนร่วมในการจัดทำรายชื่อโยกย้ายอีก
ออกโรงแฉได้แค่สามวัน คำสั่งเด้งฟ้าผ่ามาทันที และเป็นไปดังคำขู่เสียด้วย คือ พล.อ.เสถียร ถูกเขี่ยพ้นทางจากการแต่งตั้งโยกย้าย โดยพล.อ.อ.สุกำพล พูดชัดว่า จะให้ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ รองปลัดฯ รักษาการปลัดกระทรวงกลาโหม ดำเนินการแทน
**พฤติกรรมเช่นนี้เป็นการแสดงว่า การเมืองมีอำนาจเหนือกองทัพ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ ผบ.เหล่าทัพด้วยว่า พวกท่านจะเปิดประตูให้การเมืองผงาดเหนือกองทัพหรือไม่ หรือพวกท่านจะรับวัฒนธรรมการเมืองว่า ถ้าสมประโยชน์แล้วไม่ค้าน ไม่ว่าเรื่องนั้นจะกระทบต่อหลักการหรือไม่
เพราะต้องยอมรับความจริงว่า หากมีการดันก้น พล.อ.ทนงศักดิ์ ให้ออกจากไลน์ 5 เสือ ทบ. พ้นตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ.ไปเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมได้ ก็มีรูระบายเพิ่มสำหรับการเกลี่ยตำแหน่งในกองทัพบก แต่การเป็น ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีหน้าที่ในการรักษาหลักของกองทัพไม่ให้ถูกบิดเบือน หรือทำให้อ่อนแอด้วยเช่นเดียวกัน
ไม่ใช่คำนึงถึงแต่ประโยชน์เฉพาะหน้า โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและผลกระทบที่จะเกิดกับบุคคลอื่นซึ่งกำลังจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่การเมืองลงไปล้วงลูกเช่นนี้
รัฐบาลขิงแก่อุตส่าห์สร้างกำแพงเป็นปราการป้องกันกองทัพ ไม่ให้การเมืองโยกย้ายได้ตามใจชอบ ด้วยการออก พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 กำหนดให้มีคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ระดับชั้นนายพลไว้ 7 คน คือ รมว.กลาโหม , รมช.กลาโหม , ผบ.สส. , ผบ.เหล่าทัพ และปลัดกระทรวงกลาโหม โดยเป็นการกำหนดสัดส่วนให้บุคลากรในกองทัพ มีมากกว่าฝ่ายการเมือง
ดังนั้น หากปล่อยให้มีการดันเด็กการเมืองเข้าสู่ระบบนี้ กฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนใช้กลายเป็นเบ๊รับใช้การเมืองไปเสียแล้ว
**ช่วยกันหยุดเรื่อง “น่าอาย” ของกระทรวงกลาโหม ด้วยการปกป้องความถูกต้อง นี่คือหน้าที่ของ ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพทุกคน รวมถึง พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น