xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กเหวียง” เลียจนลื่น! โชคดีมี “ปู” มือสะอาด ซัดคนไทยวินัยต่ำ บีบศาลประคองแก๊งแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ภาพจากแฟ้ม)
อดีต ผบ.ทบ.จัดเบิร์ธเดย์ 74 ปี ผบ.ทบ.ส่งตัวแทนอวยพร เผย รัฐบาลโชคดี มี “ยิ่งลักษณ์” เป็นนายกฯ ระบุ มือสะอาด ไม่ตุกติก ไม่คอร์รัปชัน 1 ปี เสียเวลาโต้การเมือง ซัดชาติแตกแยก เพราะคนไทยวินัยต่ำ บีบศาลตัดสินคดีเสื้อแดงไม่ต้องตามกฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์ อ้างให้นึกถึงอนาคตชาติ เผย รอดูทิศทางก่อนลงการเมือง เสียใจปัญหาไฟใต้ยังหนัก ชี้ ตั้ง ศปก.จชต.มาถูกทาง แต่ในการปฏิบัติยังไม่ใช่

วันนี้ (23 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่หอประชุมกองทัพบก (เทเวศร์) พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เปิดโอกาสให้นายทหารระดับสูง พ่อค้า นักธุรกิจ เข้าร่วมอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 74 ปี โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้มอบหมายให้ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารบก เป็นตัวแทนกองทัพบก เข้าร่วมอวยพร นอกจากนี้ ยังมี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผอ.สำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม และ พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 มอบกระเช้าดอกไม้อวยพรวันเกิด

พล.อ.เชษฐา กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ว่า ตนคิดว่า รัฐบาลชุดนี้โชคดีที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนที่มือสะอาด ตนมั่นใจว่า ไม่มีตุกติก ไม่มีคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญมากที่สุดสำหรับตำแหน่งผู้นำรัฐบาล และท่านยังมีความขยันขันแข็ง แข็งแรง ตั้งหลักดี ไม่ไปรับอารมณ์อะไรที่อยู่นอกเหนือการเกี่ยวข้อง คือ ท่านวางตัวได้ดี ตนไม่นึกว่าจะดีได้ขนาดนี้ ถือว่า ได้นายกฯ ที่มีคุณสมบัติที่สมบูรณ์

ทั้งนี้ ภาพรวมการทำงานของรัฐบาล 1 ปีนั้น ตนคิดว่าพอไปได้ แต่ควรเร่งด้านการพัฒนาบ้านเมือง เพราะเรามัวแต่เสียเวลาโต้ตอบทางการเมือง ถือเป็นจุดอ่อนของประเทศไทยในเรื่องการยอมรับซึ่งกันและกัน คนที่ไม่ได้ขึ้นเป็นรัฐบาล ก็ต้องโจมตีทุกเรื่อง ทำให้ผู้ทำงานเสียสมาธิต้องคอยระวัง ส่วนเรื่องการปรองดอง เราจะไปตั้งใจมากไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติที่ควรจะทำอะไรที่ถูกต้องเข้าไว้ เชื่อว่า จะเป็นเกราะป้องกันได้ดีที่สุด ไม่ต้องไปแสดงว่าเราจะปรองดอง เพราะอยู่ที่การกระทำ จะปรองดองหรือไม่อยู่ที่การกระทำ แค่เราทำอะไรถูกต้องและถวายความจงรักภักดี แค่นี้ก็จบแล้ว ถ้ารัฐบาลทำดี ถูกต้อง ตั้งใจ อดทน ขยัน และใจไม่อ่อน ฝ่ายตรงข้ามก็จะยอมจำนน

พล.อ.เชษฐา กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของการเมืองโดยแท้ ถ้าทำเพื่อบ้านเมืองจริงๆ เราจะทำอย่างไรก็ได้ ถ้าทำจริงก็บอกแล้วก็เริ่มดำเนินการ ถ้าถูกต้องตามครรลองครองธรรม ฝ่ายค้านจะเอาอะไรมาอ้าง การผิดพลาดเมื่อเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศก็ต้องมีบ้าง แต่ภาพความตั้งใจ และมีความรู้ในเรื่องนี้จริง หากจะผิดพลาดบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย สรุปอยู่ที่ความจริงใจตั้งใจ

“ผมเป็นห่วงบ้านเมืองที่น่าจะเจริญไปเร็วกว่านี้ อยากฝากว่าวินัยของคนในชาติตอนนี้ต่ำมาก ถ้าทุกคนตั้งใจมีวินัยทำตัวเป็นผู้ที่มีวินัย ประโยชน์ก็จะได้กับส่วนร่วมและประเทศชาติ เราต้องสร้างคนที่มีวินัย และคนที่มีวินัยที่มีความรู้จะไปสร้างบ้านเมืองเอง ต้นเหตุอยู่ที่ตรงนี้ ถ้าทำให้คนในชาติมีวินัย บ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปไม่หยุด และจะไม่เกิดความวุ่นวาย ถ้ามีวินัยทุกคนจะรักกันอัตโนมัติ ต้องให้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมันจะมั่นคง” พล.อ.เชษฐา กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีความกังวล ว่า ภายหลังจากที่มีการตัดสินคดีการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 จะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ทางศาลต้องหาทางออกให้ดีที่สุด บางครั้งไม่จำเป็นต้องยืนตามกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องดูทิศทางอย่าให้บ้านเมืองบุบสลาย เราอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ถูกต้อง และไปเอาถูกเอาผิดเลยมันบรรลัยแน่ ดังนั้น ต้องประคองไปก่อน ทั้งนี้ ในส่วนของตนจะกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งหรือไม่นั้น ต้องดูทิศทาง เพราะตอนนี้มีบางอย่างที่เราไม่สมควรเข้าไปจึงต้องเบรกไว้ก่อน ถ้ามีโอกาสก็พร้อมรับใช้บ้านเมือง

นอกจากนี้ พล.อ.เชษฐา ยังกล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการก่อเหตุร้ายวันอย่างต่อเนื่อง ว่า รู้สึกเสียใจ เพราะไม่ควรเกิดเหตุการณ์ที่หนักขนาดนี้ ตนคิดว่า จะต้องมาหลักใหม่ ตนมีแนวความคิดว่าจะต้องมีศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธวิธีเพียงศูนย์เดียวเท่านั้น ไม่ควรจะมีการแตกไปไหน ส่วนของกองทัพบก นาวิกโยธิน กองทัพเรือ ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด และฝ่ายพลเรือนต้องเป็นหนึ่งเดียวและมีศูนย์เดียว

ทั้งนี้ เห็นว่า สมมติว่า ให้แม่ทัพภาคที่ 4 เป็น ผอ.ในการปราบปราม และเชิญผู้แทนมาจากตำรวจ และ ผู้ว่าฯ โดยทุกเช้าจะต้องเรียกมาสรุปสถานการณ์ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรก็ต่อไป ถ้าทุกคนแสดงความรับผิดชอบ สถานการณ์ก็คงจะดีขึ้นตามลำดับ ผู้ที่ก่อความไม่สงบไม่ใช่กองทัพที่มีประสิทธิภาพอะไรมากมายขนาดนั้น เป็นเพียงชาวบ้าน เช่น กลุ่มอาร์เคเค ก็เป็นคนที่อยู่ในบ้าน หัวใจคนมีอันเดียว จึงต้องมีศูนย์ปฏิบัติการจริงๆ เพียงศูนย์เดียว และร่วมมือร่วมใจกัน เป็นเรื่องของบ้านเมืองที่ทุกคนต้องทำตามหน้าที่ ซึ่งเป็นไปตามหลักการ เขาเรียกว่า หลักนิยมทางยุทธวิธีที่มีอยู่แล้ว ถ้าใช้กำลังกองทัพบกเป็นส่วนใหญ่ก็ต้องให้กองทัพบกเป็นผู้บังคับบัญชา โดยมีกองทัพเรือ ตำรวจ และผู้ว่าฯ สนับสนุน ถ้าทำอย่างนี้ได้ก็จบ

อย่างไรก็ตาม เรื่องรายละเอียดใครๆ ก็รู้ เรื่องที่มาของการข่าวก็สมบูรณ์ แต่เราแตกกันไปคนละทาง ขณะนี้มีหลายศูนย์ปฏิบัติการฯ ตนเข้าใจว่า สังคมไทยเป็นอย่างนี้ เราไม่ค่อยยอมกัน อยากจะมีหน้ามีตากันจึงเกิดปัญหา สมัยก่อนแม่ทัพภาคที่ 4 สั่งคนเดียวจบ ทุกอย่างก็ดีขึ้น ทุกคนต้องยอม เมื่อเขาเป็นใหญ่ก็ต้องมีสิทธิ์ หากใครไม่ให้ความร่วมมือ หรือทำงานไม่เต็มที่เขามีสิทธิ์รายงานผู้บังคับบัญชาให้ย้ายได้ ต้องให้อำนาจอยู่ที่คนๆ เดียว ทุกอย่างต้องว่าตามหลักเกณฑ์ แต่บ้านเราทำไม่ได้ คนหนึ่งไปอย่างอีกคนหนึ่งไปอย่าง คือ เรื่องมันไม่ยาก แต่เราไปทำให้มันยาก เพราะตัวเราสับสน

“ความจริงเป็นเรื่องง่าย ว่ากันจริงๆ เขาไม่มีขีดความสามารถอะไรเลย ถ้าตรงนี้เรายังป้องกันไม่ได้ เราจะป้องกันประเทศได้อย่างไร ทั้งนี้ต้องให้กองทัพ ตำรวจ พลเรือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมีผู้บังคับบัญชาคนเดียวสั่งการ ส่วนจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ไม่มีปัญหา สำหรับการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานมาถูกทางแล้ว แต่ในการปฏิบัติยังไม่ใช่” พล.อ.เชษฐา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น