พรรคร่วมฯ หาข้อสรุปชำเรา รธน.ไม่ได้ จ้องใช้นักวิชาการ-สื่อโจมตีที่มาจากรัฐประหาร

“โภคิน” ปธ.คณะทำงานพรรคร่วมฯ แก้รัฐธรรมนูญ เผยวันนี้หาข้อสรุปไม่ได้ กลับไปศึกษาใหม่ว่าจะทำประชามติหรือไม่ แย้มส่ง “วราเทพ” หาทางให้นักวิชาการ-สื่อกรอกหูชาวบ้าน ยกข้ออ้างที่มาจากรัฐประหารโจมตี หยิบเสียงส่วนน้อย 10 ล้านอวดอ้าง

วันนี้ (20 ส.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นัดที่ 2 โดยมีตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นนายโภคิน พลกุล ประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่ยังค้างอยู่ โดยเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68

อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลรัฐธรรมนูญแนะนำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรทำประชามติก่อนนั้น หากไม่ทำตามก็อาจจะถูกยื่นตีความอีกครั้งได้ ดังนั้นที่ประชุมจึงให้การบ้านคณะทำงานไปศึกษาว่า จำเป็นต้องทำประชามติตามที่ศาลรัฐธรรมนูญแนะนำหรือไม่ ซึ่งหากต้องทำจะต้องทำในลักษณะใด แล้วให้กลับมารายงานต่อที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 27 ส.ค.

นายโภคินกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้นายวราเทพ รัตนากร คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลฯ ไปหาแนวทางการรณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ผ่านองค์กรต่างๆ และนักวิชาการ ตลอดจนให้สื่อมวลชนช่วยรณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ด้วย เนื่องจากมีที่มาจากบุคคลที่คณะรัฐประหารแต่งตั้งขึ้น แม้ว่าจะผ่านการทำประชามติ มีเสียงเห็นชอบ 14 ล้านเสียง แต่ก็มีเสียงคัดค้านถึง 10 ล้านเสียง ที่สำคัญเป็นการทำประชามติแกมบังคับว่า หากไม่ผ่านการทำประชามติคณะรัฐประหารมีสิทธิหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดก็ได้มาใช้ จึงมีการพูดกันว่าให้รับไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ไขภายหลัง ดังนั้นรัฐธรรมนูญปี 2550 จึงไม่สมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ หากมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชนโดยตรงก็จะเป็นเกราะป้องกันประชาธิปไตยให้ประชาชนเกิดความสบายใจได้ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ขัดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม หากไม่ปรับปรุงแก้ไขอาจจะมีปัญหาต่อไปได้ ทั้งนี้ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 หรือไม่ คงต้องรอให้ได้ข้อยุติเรื่องการทำประชามติก่อน เพราะเรื่องนี้ต้องทำอย่างรอบคอบ และยังบอกไม่ได้ว่าคณะทำงานจะใช้เวลาหาข้อสรุปนานเท่าใด แต่จะพยายามให้ได้ข้อสรุปก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยนี้แน่นอน