xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” หวังกองทัพเร่งพัฒนาป้องกันภัยบึ้ม ปัดนายกฯ ฉุนไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผู้บัญชาการทหารบก” เปิดงานวันภูมิปัญญานักรบไทย หวังเร่งพัฒนาภัยจากระเบิด ชี้ต้องแก้กฎหมายอุตสาหกรรมป้องกันประเทศขายอาวุธที่ผลิตในประเทศเองได้ พร้อมเน้นจัดซื้อยุทโธปกรณ์แบบผลิตร่วม ปัดนายกฯ ไม่พอใจแผนดับไฟใต้ อ้างเมื่อวานเจอกันไม่เห็นบ่น ยันเน้นพัฒนา ไม่เพิ่มสมาชิกโจร ทุ่มติดวงจรปิดก่อน




วันนี้ (16 ส.ค.) ที่สโมสรทหารบก เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานวันภูมิปัญญานักรบไทยพร้อมทั้งมอบรางวัลให้หน่วยงานและนักประดิษฐ์ดีเด่นของกองทัพบก รวมทั้งชมนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์ และผลงานวิจัยทางทหาร โดยมีนายทหารระดับ 5 เสือ ทบ. พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 และนายทหารระดับสูงเข้าร่วมชมงานจำนวนมาก โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวให้โอวาทแก่กำลังพลตอนหนึ่งว่า กองทัพบกพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมในการผลิตและวิจัยสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายในด้านงบประมาณ ซึ่งสิ่งที่กองทัพบกต้องการเป็นอันดับแรก คือ ทำอย่างไรให้กำลังพลปลอดภัยจากการรบและการปฏิบัติงานทุกภารกิจ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาภายนอกประเทศ ในการที่จะวิจัยพัฒนาสิ่งของที่มีความจำเป็น ซึ่งเราทำเองไม่ได้ ส่วนของการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ จากต่างประเทศ จำเป็นที่จะต้องมีความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้วัตถุประสงค์หลักของ ทบ. คือการป้องกันตัวเอง จึงต้องเริ่มจากสิ่งสำคัญก่อน

“สิ่งที่ผมต้องการให้เร่งพัฒนา คือ การป้องกันภัยจากวัตถุระเบิด เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้การปฏิบัติการทางการรบที่เป็นหน่วยงานเล็กๆ เกิดความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติการกลางวันหรือกลางคืน นอกจากนั้นเป็นเรื่องของอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อน เช่น เครื่องมือตัดสัญญาณ สิ่งเหล่านี้จะต้องมีการพัฒนา วันนี้เรามีผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานได้คิดค้นสิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งกองทัพบกพร้อมส่งเสริมและสนับสนุน โดยผมได้ให้นโยบายว่า สิ่งใดก็ตามที่เป็นประโยชน์ให้นำไปสู่การผลิตโดยเร็วและนำไปใช้ ซึ่งการวิจัยและพัฒนาหลายอย่างในครั้งนี้สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ภาคใต้ได้ ถึงแม้ว่าจะมีความปลอดภัยไม่ถึง 100% ก็ตาม แต่ก็สามารถป้องกันได้ นอกจากยุทโธปกรณ์แล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำให้กำลังพลปลอดภัย คือ ความรู้ การฝึกทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงเครื่องมือที่จะช่วยเสริมให้สามารถทำการรบได้อย่างปลอดภัย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนรู้สึกมีความสุขเพราะได้อยู่ท่ามกลางกำลังพลและถือเป็นภารกิจของ ทบ. ในการฝึกหัดกำลังพลในการเตรียมพร้อมรบเพื่อให้มีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่ทำให้การปฏิบัติการไม่ประสบผลสำเร็จประกอบด้วยปัจจัยภายในและภายนอก การทำงานในพื้นที่ภาคใต้ไม่เหมือนที่อื่น เพราะกำลังพลต้องทำ 2 หน้าที่ คือ รบ และทำความเข้าใจ จึงทำให้การทำงานด้อยลงไป ดังนั้น ตำรวจ ประชาชน และหน่วยงานอื่นๆ ต้องมีความพร้อมและเข้มแข็งในการจะรับภารกิจเหล่านี้ เพื่อให้ทหารได้ทำหน้าที่หลักคือการรบอย่างเต็มที่ ซึ่งรัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาอยู่ ทั้งนี้ ตนอยากให้กองทัพเข้มแข็ง เพราะกองทัพถูกฝากความหวังความเป็นความตายของประเทศชาติไว้ และภัยคุกคามก็มีหลายรูปแบบ เราจึงต้องช่วยกันทำให้กองทัพเข้มแข็ง สิ่งที่กองทัพบกทำในวันนี้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ต้องเป็นกองทัพที่เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ทุกโอกาส และเป็นกองทัพที่ภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมสนับสนุนโครงการพระราชดำริ และดูแลภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งหน้าที่ที่มีต่อประเทศชาติและประชาชนยิ่งใหญ่กว่าอย่างอื่น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการวิจัยพัฒนาในประเทศไทยค่อนข้างนำไปสู่การปฎิบัติไม่ได้ ไม่ต่อเนื่อง ตนจึงได้ให้นโยบายว่าจะพยายามทำให้ทุกโครงการนำไปสู่การปฎิบัติให้ได้ ปัญหาหนึ่ง คือ ของทุกชิ้นที่นำมาใช้ในกองทัพบก ไม่ใช่ว่า จะใช้ได้เลย จะต้องผ่านมาตราฐานของ คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์กองทัพบก (กมย.) เพราะต้องใช้งบประมาณ ซึ่งรัฐบาลทุกรัฐบาลพยายามให้กองทัพผลิตยุทธโปกรณ์ใช้เอง ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ปัญหาอีกอย่างหนึ่ง คือ ทุกประเทศผลิตยุทโธปกรณ์แล้วขายได้ เพราะกฎหมายอนุญาติ แต่ในประเทศไทยกฎหมายไม่อนุญาต จึงต้องไปแก้กฎหมาย ปรับปรุงเรื่อง พ.ร.บ. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศใหม่ ซึ่งกำลังเข้าพิจารณาอยู่ เพื่อจะได้ผลิตไปขายต่างประเทศได้ด้วย วันนี้มาเลเซีย อินโดนีเซีย ก็ทำแล้ว หากจะมีการส่งเสริม ทางกระทรวงกลาโหมต้องไปพูดคุยกับรัฐบาลว่า จำเป็นต้องมีการลดภาษีหรือไม่ หากทำการวิจัย เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องช่วยกองทัพ เพราะของบางอย่างต้องเสียลิขสิทธิ์ และมีราคาแพง ไม่สามารถกำหนดราคาได้ว่าเท่าไหร่

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกต่อไปจะจัดซื้ออะไรต้องนำไปสู่การผลิตร่วม โดยได้นำเสนอ รมว.กลาโหมไป แล้วว่า จะให้บริษัทเหล่านี้มาขึ้นทะเบียนกับเราและผลิตร่วมกันก็น่าจะเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ รถเกราะ ก็ทำได้หมดแล้วและในอนาคตเราอาจจะผลิตรถถังได้ แต่ต้องใช้เวลาเพราะยังมีเครื่องมือไม่สมบูรณ์ สิ่งที่ตนคำนึงมากที่สุด คือ เรื่องความปลอดภัยของกำลังพล โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทำอย่างไรจึงจะมีเครื่องมือตาต่อตาไปข้างหน้าได้ปลอดภัย เกิดเหตุก็สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ เพราะปัจจุบันเราไม่มีเครื่องมือพวกนี้ คือเครื่องมือในการป้องกัน ทุกวันนี้เราใช้เพียงตาในการสังเกตว่า บริเวณไหนอาจจะมีวัตถุระเบิด ซึ่งอาจจะผิดพลาดได้ เพราะการจุดระเบิดมีหลายแบบ ทั้งไฟฟ้า ชนวน วิทยุ โทรศัพท์

ผู้บัญชาการทหารบก ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี แสดงความไม่พอใจในแผนการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของทั้ง 17 กระทรวงว่า คำว่า ไม่พอใจหรือพอใจไม่ใช่ความล้มเหลว นี่เป็นการทำงานครั้งแรกที่นำทั้ง 17 หน่วยงานกับ 66 กระทรวงมานั่งตีแผ่งบประมาณ ซึ่งยังไม่มีใครทำได้ วันนี้เป็นการเปิดศักราชใหม่ การแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเป็นการแต่งตั้งเฉพาะกิจ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของนายกฯ แต่งตั้งขึ้นมา แน่นอนว่าทั้ง 17 หน่วยงาน ท่านนายกฯ ต้องการให้แผนงานนั้นประสบผลสำเร็จโดยเร็วโดยแผนงานทั้งหมดจะต้องมาดูอีกว่า แผนงานไหนควรทำหรือไม่ควรทำ แล้วนำงบประมาณที่ยกเลิกไปนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง

“สำหรับแผนงานใหม่เป็นการพัฒนาระยะสั้น เพื่อทำให้เห็นผลโดยเร็ว ซึ่งระยะยาวมีเวลา 3 ปี ระยะกลาง1ปี และระยะสั้น เช่น ในเร็ววันนี้อยากให้มีการพัฒนาในระดับล่างไม่ว่าจำเป็นตำบล หมู่บ้าน ซึ่งผมได้เสนองบประมาณไปแล้วว่าจะเสนออะไรบ้าง โดยในขณะนี้กำลังขับเคลื่อนกันอยู่ อย่ามาพูดว่านายกฯ ไม่พอใจ เมื่อวานผมได้พบท่าน แต่ท่านไม่ได้บ่นอะไรเลย และมีโอกาสได้พูดคุยกับนายกฯ โดยท่านถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมตอบว่าทุกอย่างก้าวหน้าไป แต่ไม่ใช่ว่าการตั้งคณะกรรมการ ศปก.กปต.จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นในเวลาเดียวกันคงเป็นไปไม่ได้ แต่คงจะเป็นเรื่องของการพัฒนา การสร้างคุณภาพชีวิต โดยสิ่งนี้จะทำให้ประชาชนไม่ไปเป็นฝ่ายตรงข้าม จะทำให้ประชาชนพ้นจากความยากจน ไม่ไปติดยาเสพติด ไม่ไปเพิ่มจำนวนผู้ก่อความไม่สงบ อีกด้านหนึ่งฝ่ายความมั่นคงจะทำอย่างไรในการดำเนินคดี ทำอย่างไรให้ผู้ก่อความไม่สงบเข้ามามอบตัว ทำอย่างไรไม่ให้ไปเพิ่มสมาชิกแก่ผู้ก่อความไม่สงบ สิ่งเหล่านี้ต้องคิดกันหลายๆด้านหลายๆมุม ถ้าบอกว่า อันนี้ไม่ดี แล้วอะไรจะดี ต้องค่อยๆกันพัฒนา ไม่ใช่ว่า จะมีการประชุมครั้งเดียวแล้วจบไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แผนคือสิ่งที่ทำไว้ล่วงหน้า เมื่อไรจะใช้แผนก็ให้แผนนั้นเป็นคำสั่ง พอเป็นคำสั่งแล้วจะต้องทำ ถ้าแผนนั้นยังไม่ได้ทำก็ให้พัฒนาแผนให้ดียิ่งขึ้นว่าจะไปแก้หรือปรับตรงไหน ที่ผ่านมาทุกคนทำอยู่แล้ว ทุกกระทรวง ทบวง กรม มีงบประมาณ แต่ทำไม่ค่อยสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เช่น ช่วงไหนที่เกิดเหตุการณ์บ่อย ช่วงนั้นก็ต้องเพิ่มมาตรการและให้งบประมาณมาทำในส่วนนี้ ช่วงเดือนรอมฏอนเราต้องทุ่มเททุกอย่าง พออช่วงอื่นก็จะเบาลง ส่วนหน้าฝนก็จะไม่ค่อยมีเหตุการณ์ การปรับแผนต้องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เวลาและพื้นที่ หากนำแผนงานทั้งหมดลงไปใน 2 พันหมู่บ้านแล้วหารเป็นตัวเลขจะได้หมูบ้านละไม่กี่บาท ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากได้ใจจึงได้นำมาปรับให้เป็นระดับ 1 ระดับ 2 ระดับ 3 แต่ได้กันหมดทุกคน ซึ่งช่วงเดือนรอมฎอนผู้ก่อความไม่สงบจะก่อเหตุมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความรับรู้ให้มันกว้าง เพราะคนที่เชื่อมั่นในหลักศาสนาอาจถูกหลอก แต่ศาสนาอิสลามสอนว่าไม่ใช่ว่ากระทำผิดในช่วงนี้แล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ ซึ่งผู้ที่เป็นแนวร่วมที่ก่อเหตุอาจจะเป็นผู้ที่หลงผิดและอาจจะติดสารเสพติด ทุกอย่าง ทั้งนี้ตนไม่เคยปิดบังข้อมูล ถ้าปิดบังตนจะไม่พูดเลย

“ปัญหาติดขัดด้วยงบประมาณ ถ้าใช้งบประมาณพัฒนาคุณภาพชีวิตต้องใช้ตัวเลขหลายหมื่นล้านบาท แต่เราไม่มีเงินหลายหมื่นล้านบาทในทีเดียว และทำงานไม่ทัน ต่อไปนี้เราจะปรับแก้ คือ ตรงไหนที่ยังไม่สำคัญก็นำไปทุ่มตรงส่วนที่สำคัญก่อน เช่น เอามาทำซีซีทีวีในเขตเมืองให้ครบทุกเขต ไม่อย่างนั้นจะกระจายไปทั่วและจะไม่ได้ประโยชน์ ไม่ต่อเนื่อง และโจรก็จะไม่กลัว ดังนั้นต้องติดซีซีทีวีทั้งหมดเป็นเครือข่าย เมื่อทำอย่างนี้โจรก็ต้องกลัว แต่ตอนนี้ทำไม่ได้จึงต้องหางบประมาณที่สามารถติดซีซีทีวีได้พร้อมกันทุกพื้นที่ เมื่องบประมาณไม่พอเราต้องคิดว่า เราจะใช้งบเท่าไร และจะเอามาใช้ทำอะไรบ้าง ชาวใต้จะได้ประจักษ์แก่ตา และเขาจะได้มีความสุขว่าเราดูแลเขา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น