รายงานการเมือง
กลายเป็นประเด็นร้อนกลบทุกประเด็นการเมืองทันที ภายหลังที่ “ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (พรรคประชาธิปัตย์) ออกมาแถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หลังจากเปิดสมัยประชุมสภาฯ เมื่องวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
แม้ยังไม่ได้ระบุวันเวลาในการยื่นญัตติ แต่บรรดา “คณะรัฐมนตรีปูแดง” เสียวสันหลังพอสมควร โดยเบื้องต้น “ฝ่ายค้าน” ตั้งป้อม “ซักฟอก” รัฐบาลใน 5 ประเด็น ที่แน่นอนว่า ต้องการโจมตีเป้าหมายใหญ่อย่าง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้นำรัฐนาวา
ไล่ตั้งแต่ 1. โครงการรับจำนำข้าว โดยจะนำมาเปรียบเทียบกับโครงการประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งข้อมูลล่าสุดโครงการรับจำนำใช้เงินมากกว่าโครงการประกันรายได้อยู่กว่า 60,000 ล้านบาท
ส่วนนี้ “ค่ายสะตอ” ต้องการเปรียบเทียบความบกพร่องของนโยบาย “ประชานิยม” ที่ทำให้ประเทศเสียงบประมาณมากเกินความจำเป็น อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการกระทบชิ่งไปถึง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะโครงการรับจำนำข้าว เคยสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับประเทศมาแล้วตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย
ที่สำคัญในปี 2555 การส่งออกข้าวไทยตกต่ำที่สุด เมื่อต้องหล่นไปอยู่ในลำดับ 3 ของประเทศส่งออกข้าว เป็นรองประเทศอินเดีย และเวียดนาม ส่วนหนึ่งเพราะรัฐบาลรับจำนำข้าวมาแพงกว่าราคาในตลาดโลก จึงทำให้รัฐบาลระบายข้าวในสต๊อกได้ยากขึ้น
ประเด็นนี้ พรรคประชาธิปัตย์ล็อคเป้าไปที่ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง
2. ความไม่สงบในสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ ถือเป็นพื้นที่ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีเครือข่ายอยู่จำนวนมาก การเข้าหาข้อมูลทำได้ไม่ยาก ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะสะท้อนความผิดพลาด ไม่เอาจริงเอาจังของรัฐบาล
รวมถึงการแต่งตั้งคนเข้ามาทำงาน “พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง” เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งเป็นที่ซุบซิบกันว่า “พ.ต.ท.ทวี” สนิทแนบแน่นกับผู้นำรัฐบาล และแกนนำพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก จนได้มานั่งในตำแหน่งสำคัญนี้ หรืออย่าง “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” ที่โดดข้ามห้วยมานั่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเข้ามาดูแลปัญหาภาคใต้โดยตรง คนนี้ลือกันว่า “เส้นก๋วยจั๊บ” สายตรงนายใหญ่
จุดนี้พรรคประชาธิปัตย์หวังสะท้อนภาพปัญหาการเล่นเส้นในการแต่งตั้ง “คนทำงาน”
3.ราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะราคายางพาราตกต่ำ พรรคประชาธิปัตย์ฟุ้งเป้ารอถล่ม “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แกนนำคนเสื้อแดง เนื่องจากสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคายางตกต่ำ ทั้งที่ขออนุมัติเงินงบประมาณในการจัดตั้งกองทุนจากคณะรัฐมนตรีแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท โดยไฟเขียวให้ใช้ก้อนแรกราว 15,000 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อยางในราคานำตลาดแล้ว แต่แล้วราคายางก็ไม่กระเตื้องขึ้น ยังอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท ไม่ใช่กิโลกรัมละ 104 บาท หรือ 120 บาท อย่างที่ “รมต.แดง” คุยโม้เอาไว้
ตรงนี้ว่ากันว่า “ณัฐวุฒิ” ปอดแหก ไม่กล้าใช้เงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ ไปซื้อยาง เพื่อนำราคาในตลาด เพราะกลัวจะเข้าอีหรอบเดียวกับโครงการรับจำนำข้าว
4. การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะการใช้งบประมาณเงินกู้ 350,000 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการและแผนป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มองว่า ส่อเอื้อต่อการทุจริต คอร์รัปชันได้ง่าย การจัดซื้อจัดจ้างไม่มีการตรวจสอบที่ดีพอ
เรื่องนี้พุ่งเป้าไปที่ “ปลอดประสพ สุรัสวดี” รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)
5. การที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประเทศกัมพูชาได้รับสิทธิในการจัดประชุมมรดกโลกแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้คัดค้านเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะจะส่งผลให้ “กัมพูชา” นำแผนบริหารจัดการรอบปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้สะดวกยิ่งขึ้น
พรรคประชาธิปัตย์เตรียมนำประเด็นนี้ เชื่อมโยงกับการเอื้อประโยชน์ทาง “ธุรกิจ” ของ “นายใหญ่” เพราะอาจจะมีการทำ “สัญญาใจ” กันบางอย่างแล้ว รัฐบาลจึงไม่ขัดขวาง “กัมพูชา” เพราะใครก็รู้ว่า ในพื้นที่ทับซ้อนมีมูลค่าทางธุรกิจมหาศาล ยั่วตา ยั่วใจบรรดา “เศรษฐี” เมืองไทย
ทั้ง 5 ประเด็น คือเรื่องหลักที่พรรคประชาธิปัตย์จัดเตรียมเอาไว้จัดหนัก-จัดเต็ม ใส่รัฐบาลอย่างแน่นอน
แต่ทว่าเกิดเหตุ “ผิดคิว” ขึ้นเล็กน้อย เพราะช่วงแรกของสมัยประชุมในเดือน ส.ค.นี้ มีเวทีที่เปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์ซ้อมเรียกน้ำย่อยก่อนศึกใหญ่ อย่างน้อยๆ ก็ 2 คิว ทั้งวาระการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 ในช่วงกลางเดือน ต่อด้วยการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาลในช่วงปลายเดือน
จนดูเหมือนการออกมาแถลงของ “โทรโข่งพรรค” อย่าง “ชวนนท์” จะผิดคิวผิดจังหวะไปหน่อย
จึงไม่แปลกที่มีข่าวว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สั่งเบรกไม่ให้ “ลูกพรรค” จ้อมากเกินควร เพราะตามแผนที่อยู่ในหัว ตั้งใจว่าจะทอดเวลาออกไปซักระยะ อย่างน้อยก็หลังเสร็จ 2 ศึกย่อยข้างต้น ซึ่งหมายความว่าต้องรออย่างน้อยอีก 1 เดือน จึงจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ระหว่างนี้ก็มอบหมายให้ “บัญญัติ บรรทัดฐาน” ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ รวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งหมด
ถัดด้วยเสียงตำหนิ “ชวน หลีกภัย” ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กลางห้องประชุมพรรคที่ออกมาในโทนเดียวกับหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันว่า “ไม่ควรจะไปบอกโจทย์ว่า จะอภิปรายเรื่องอะไรบ้าง โดยเฉพาะการระบุว่า จะอภิปรายรัฐบาลใน 5 ประเด็น แต่ขอให้รวบรวมข้อมูลหลักฐานให้ชัดเจนก่อน”
และกำชับให้ “ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์” เร่งหาข้อมูลในเชิงลึกให้มากขึ้น โดยเน้นย้ำว่า ให้ลึกกว่า “หน้าหนังสือพิมพ์” เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ลับขั้นลึกขึ้น
การที่ “ชวน” ออกมาอบรม “ลูกพรรค” ถือเป็นเรื่องไม่ธรรมดา บอกเป็นนัยยะได้เลยว่า “ศึกซักฟอก” ครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เอาจริง มีหมัดเด็ดเอาไว้น็อกรัฐบาลได้พอสมควร ดังนั้นควรกั๊กข้อมูลไว้ และไม่ควรเปิดข้อสอบให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นก่อน
ส่วนจะมีประเด็นใดเพิ่มเติมเข้ามาในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกทั้งหมด เพราะโครงการที่ส่งกลิ่นตุๆ ตลอดปีที่ผ่านมามีมากเหลือเกินทั้งโครงการจัดซื้อแท็บเล็ตพีซี เพื่อการศึกษาไทย โครงการร้านค้าถูกใจ การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
กระทั่งเรื่องราวความผิดพลาดของนายกฯ หรือเรื่องคาวๆ อย่าง “ว.5โฟร์ซีซั่นส์” ก็มั่นใจว่าจะถูกหยิบยกมาเป็น “อาวุธหนัก” ถล่มรัฐบาล
หลังจากนี้จึงเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะนิ่งที่จะหยุดพูด เพราะการแบไต๋ให้ “ศัตรู” รู้ตัวก่อน ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่ทำให้เสียเปรียบ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ ต้องเก็บเอาไว้ให้มิด ไม่ให้ “ฝั่งตรงข้าม” รู้เกมทั้งหมด
ไม่เช่นนั้นอาจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นชก!!