วานนี้(12 ส.ค.55)นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกว่าคนเก่าแก่ของพรรคประชาธิปัตย์เริ่มมีความรู้สึกไม่ดีกับสถานภาพของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เกิดความเอือมระอาแก๊งไอติม คนรุ่นใหม่ทำให้พรรคตกต่ำ เป็นรัฐบาล 2 ปี 8 เดือน ไม่สามารถสร้างผลงาน เลือกตั้งก็แพ้หมดสภาพ มาเป็นฝ่ายค้านก็ขาดคุณภาพอีก ภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยเป็นฝ่ายค้านเข้มแข็ง ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ วันนี้ไม่หลงเหลือ จึงมีการคุยกันภายในถึงแนวทางการเปลี่ยนตัวผู้นำ เรื่องนี้คงต้องไปสอบถามข้อเท็จจริงจากนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ว่าเป็นความจริงหรือไม่
“คนเก่าแก่เริ่มเห็นความเสื่อมถอยของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอาจต้องเป็นฝ่ายค้านยาวนาน ฉะนั้นเราอาจได้เห็นความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2 ปีนี้ ก็ฝากไปยังสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่ต้องออกมาแก้ตัวแทน ขอให้รอดูดีกว่า ผมเชื่อว่าต่อจากนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการที่ฝ่ายค้าน เลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไป ว่า คงกลัวว่าถ้าแนบชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี แนบท้ายการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วเกิดกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งถอดยศ เรียกคืนเงินเดือนเบี้ยหวัด ในตอนนั้นจะทำยังไง เพราะพรรคเพื่อไทยรู้ว่า ถ้าอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ทำอะไร เราจะแนะนำในสิ่งตรงข้าม เพราะเขาจะทำในสิ่งตรงข้ามกับคำแนะนำของสังคมนั้นเสมอ จริงๆ เราไม่อยากให้เปลี่ยนตัวนายอภิสิทธิ์ ก็เลยแนะนำให้เปลี่ยนตามข่าว ถือเป็นแท็กติก ซึ่งไม่เปลี่ยนดีแล้ว เพราะตราบที่ นายอภิสิทธิ์ อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นสิ่งที่มีค่าต่อการทำการเมืองของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล วันนี้รัฐบาลทำงานครบ 1 ปี มีผลงานมากกว่า 2 ปี 8 เดือนของนายอภิสิทธิ์ นี่ถ้าอยู่ครบ 2 สมัย 8 ปี ประเทศจะดีขึ้นขนาดไหน
รายงานข่าวแจ้งว่า การที่พรรคเพื่อไทย ออกมาให้ข่าวเรื่องนี้บ่อยครั้ง เนื่องจากมีมูลเรื่องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เช่นกัน ซึ่งเป็นข้อมูลจากคนในพรรคประชาธิปัตย์เอง โดยคนกลุ่มเก่าที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน ไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือที่ถูกเรียกว่าแก๊งไอติม กำลังมีบทบาทสูงภายในพรรค
“คนกลุ่มนี้เห็นว่า ไม่มีความก้าวหน้า ย่ำอยู่กับที่ มองไม่เห็นทางกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ หากปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป เลือกตั้งครั้งหน้าก็คงหนีไม่พ้นความพ่ายแพ้อีก”
มีรายงานว่า คนในสายของ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค กำลังเคลื่อนไหวแบบเงียบๆ ในเรื่องนี้ รวมถึงการเปลี่ยนโครงสร้างพรรค เปลี่ยนตัวทั้ง หัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรคไปในคราวเดียวกัน
มีการพิจารณาถึงตัวบุคคล โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าพรรค เช่นชื่อของนายชวน หลีกภัย หรือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เองหลายคนมองว่า ไม่เหมาะสม เหมือนย้อนยุคกลับไป และอาจเกิดภาพลบ
ขณะที่กระแสที่นายแบงก์ใหญ่ เจ้าของไอเดีย “รีเอ็นจีเนียริ่ง” ยกเครื่องธนาคารของตระกูล กำลังถุฏมองเป็นตัวเลือกต่อจากนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ โดยการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าอาจจะเห็นผู้บริหารระดับสูงคนนี้
ทั้งนี้พรรคเพื่อไท พยายามเด้งรับยกระแสข่าวดังกล่าวว่า อาจเป็นเรื่องจริง เพราะนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในทางการเมืองข่าวลือก็คือข่าวลือ แต่หากผู้บริหารพรรคออกมาปฏิเสธให้สันนิษฐานว่า มีมูลความจริง
ถึงขั้นอ้างว่า ได้ยินเสียงบ่นจากกรรมาธิการคณะต่างๆของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นคนรุ่นเก่า ว่ามีกระแสอยากให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เพราะนายอภิสิทธิ์ เลือกใช้เฉพาะกลุ่มคนหัวดำที่มีวัยใกล้เคียงกันมากกว่ากลุ่มคนหัวขาว ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคไม่ปลื้ม
ขณะที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาอ้างว่า เป็นการสร้างข่าวเพื่อดิสเครดิตหัวหน้าพรรคและเสียมารยาท
“คนเก่าแก่เริ่มเห็นความเสื่อมถอยของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอาจต้องเป็นฝ่ายค้านยาวนาน ฉะนั้นเราอาจได้เห็นความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2 ปีนี้ ก็ฝากไปยังสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่ต้องออกมาแก้ตัวแทน ขอให้รอดูดีกว่า ผมเชื่อว่าต่อจากนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการที่ฝ่ายค้าน เลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไป ว่า คงกลัวว่าถ้าแนบชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี แนบท้ายการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วเกิดกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งถอดยศ เรียกคืนเงินเดือนเบี้ยหวัด ในตอนนั้นจะทำยังไง เพราะพรรคเพื่อไทยรู้ว่า ถ้าอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ทำอะไร เราจะแนะนำในสิ่งตรงข้าม เพราะเขาจะทำในสิ่งตรงข้ามกับคำแนะนำของสังคมนั้นเสมอ จริงๆ เราไม่อยากให้เปลี่ยนตัวนายอภิสิทธิ์ ก็เลยแนะนำให้เปลี่ยนตามข่าว ถือเป็นแท็กติก ซึ่งไม่เปลี่ยนดีแล้ว เพราะตราบที่ นายอภิสิทธิ์ อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นสิ่งที่มีค่าต่อการทำการเมืองของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล วันนี้รัฐบาลทำงานครบ 1 ปี มีผลงานมากกว่า 2 ปี 8 เดือนของนายอภิสิทธิ์ นี่ถ้าอยู่ครบ 2 สมัย 8 ปี ประเทศจะดีขึ้นขนาดไหน
รายงานข่าวแจ้งว่า การที่พรรคเพื่อไทย ออกมาให้ข่าวเรื่องนี้บ่อยครั้ง เนื่องจากมีมูลเรื่องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เช่นกัน ซึ่งเป็นข้อมูลจากคนในพรรคประชาธิปัตย์เอง โดยคนกลุ่มเก่าที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน ไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือที่ถูกเรียกว่าแก๊งไอติม กำลังมีบทบาทสูงภายในพรรค
“คนกลุ่มนี้เห็นว่า ไม่มีความก้าวหน้า ย่ำอยู่กับที่ มองไม่เห็นทางกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ หากปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป เลือกตั้งครั้งหน้าก็คงหนีไม่พ้นความพ่ายแพ้อีก”
มีรายงานว่า คนในสายของ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค กำลังเคลื่อนไหวแบบเงียบๆ ในเรื่องนี้ รวมถึงการเปลี่ยนโครงสร้างพรรค เปลี่ยนตัวทั้ง หัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรคไปในคราวเดียวกัน
มีการพิจารณาถึงตัวบุคคล โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าพรรค เช่นชื่อของนายชวน หลีกภัย หรือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เองหลายคนมองว่า ไม่เหมาะสม เหมือนย้อนยุคกลับไป และอาจเกิดภาพลบ
ขณะที่กระแสที่นายแบงก์ใหญ่ เจ้าของไอเดีย “รีเอ็นจีเนียริ่ง” ยกเครื่องธนาคารของตระกูล กำลังถุฏมองเป็นตัวเลือกต่อจากนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ โดยการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าอาจจะเห็นผู้บริหารระดับสูงคนนี้
ทั้งนี้พรรคเพื่อไท พยายามเด้งรับยกระแสข่าวดังกล่าวว่า อาจเป็นเรื่องจริง เพราะนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในทางการเมืองข่าวลือก็คือข่าวลือ แต่หากผู้บริหารพรรคออกมาปฏิเสธให้สันนิษฐานว่า มีมูลความจริง
ถึงขั้นอ้างว่า ได้ยินเสียงบ่นจากกรรมาธิการคณะต่างๆของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นคนรุ่นเก่า ว่ามีกระแสอยากให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เพราะนายอภิสิทธิ์ เลือกใช้เฉพาะกลุ่มคนหัวดำที่มีวัยใกล้เคียงกันมากกว่ากลุ่มคนหัวขาว ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคไม่ปลื้ม
ขณะที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาอ้างว่า เป็นการสร้างข่าวเพื่อดิสเครดิตหัวหน้าพรรคและเสียมารยาท