รองโฆษกรัฐบาล เผย รัฐบาลเตรียมแถลงผลงานแบบคิกออฟ ผุดไอเดียสร้างละคร-พิมพ์หนังสือแจก เน้นครอบครัวได้ประโยชน์ประชานิยม คาดเริ่มเดือนหน้า “ยิ่งลักษณ์” สั่งสภาพัฒน์ เปรียบเทียบยุค “อภิสิทธิ์” เน้นตัวเลข โวย “เทพไท” ไร้มารยาท จุ้นเรื่องปรับ ครม.ยันไม่ขัดแย้ง อัดกลับไปดูตัวเองก่อนระวังลูกพี่จะถูกถอดยศ
วันนี้ (12 ส.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเตรียมแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ว่า ทางรัฐบาลจะเตรียมจัดทำเป็น 2 ส่วน คือ 1.การแถลงผลงานรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งน่าจะไม่เกินเดือนกันยายน ทั้งนี้กำลังหาเวลาที่เหมาะสมในการแถลงผลงานรัฐบาล และ 2.การแถลงผลงานรัฐบาลเพื่อสื่อสารให้กับประชาชนได้รับทราบ รัฐบาลจะเริ่มทำคิกออฟต้นเดือนกันยายน โดยจะทำเป็นแผ่นวีดีทัศน์ในรูปแบบละคร และหนังสือแจกจ่ายประชาชน ว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลมีนโยบายอะไรบ้างที่ประชาชนได้ประโยชน์ ซึ่งการนำเสนอจะนำเสนอในรูปแบบของ 1 ครอบครัว ว่าตั้งแต่เด็กพอเริ่มโตจะได้แท็บเล็ต พอเรียนจบ จะมีเงินเดือน 15,000 บาท หรือหากเป็นผู้ใช้แรงงานจะได้ค่าแรงวันละ 300 บาท หรือหากเป็นเกษตรกรจะได้เรื่องพักหนี้เกษตรกร บัตรเครดิตเกษตรกร มีบ้านหลังแรก รถคันแรก ส่วนแม่และพี่สาว จะได้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จะเห็นว่า 1 ครอบครัวจะได้ประโยชน์อะไรจากรัฐบาลบ้าง
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับหนังสือที่จะแจกจ่ายทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบให้เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ)ไปตรวจสอบในรายละเอียดเรื่องตัวเลข ว่า 1 ปีที่ผ่านมาตัวเลขทางเศรษฐกิจเราดีขึ้นหรือลดลงอย่างไร พร้อมกับจะเปรียบเทียบตัวเลขในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลด้วย เพื่อให้ประชาชนเห็นภาพที่ชัดเจนในการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องตัวเลข ซึ่งรูปแบบในการนำเสนอให้ประชาชนรับทราบ จะมีความสำคัญไม่น้อยกว่าที่จะแถลงผ่านรัฐสภา โดยเอกสารที่จะนำเสนอให้กับประชาชน รัฐบาลจะนำไปให้หน่วยงานต่างๆ นำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกล่าวถึงกรณีที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ากระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เงียบลง น่าจะเกิดจากความขัดแย้งระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่านายเทพไทวิจารณ์การปรับครม.แบบไร้ข้อมูลและไร้มารยาท ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าอำนาจในการปรับ ครม.อยู่ที่นายกรัฐมนตรี และไม่มีความขัดแย้งใดๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีคงจะต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ควรจะผ่านการแต่งตั้งข้าราชการ การอภิปรายงบประมาณ การแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 1 ปี หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไปก่อน ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำได้เพียงการสะท้อนความคิดเห็นที่เป็นข้อห่วงใย พรรคประชาธิปัตย์จึงควรเอาเวลาที่มาวุ่นวายเรื่องคนอื่นไปตอบตัวเองให้ได้เสียก่อนว่า เลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไปทำไม หรือเพราะกลัวว่าถ้าแนบชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี แนบท้ายการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว แต่กลับถูกกระทรวงกลาโหมมีคำสั่งถอดยศ เรียกคืนเงินเดือนเบี้ยหวัด แล้วจะทำอย่างไร