เลขาฯ กกต.แจงวุ่นกรณีชง กกต.ออกระเบียบเพิ่มเงินเดือนให้ จนท.กกต.หลังจ่ายไปแล้ว 2 เดือน เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจในการทำงาน ยันทำตาม กม.ท้าฟ้องพร้อมสู้ทุกศาล หากผิดจริงขอรับผิดคนเดียว ขณะเดียวกันมีพนักงาน กกต.เตรียมร้องศาลปกครอง เชื่อส่อเป็นสัญญาทาส ต้องทำงานตามใจผู้บังคับบัญชา อีกทั้งเงินที่ได้รับก็มากพออยู่แล้ว
วันนี้ (6 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.เปิดเผยชี้แจงกรณีเงินเพิ่มประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ กกต.ตามตนเป็นผู้เสนอเรื่อง ว่า ขณะนี้ กกต.ได้ออกระเบียบเงินเพิ่มประสิทธิภาพดังกล่าวจริง โดยเป็นตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ให้ กกต.มีอำนาจออกระเบียบเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารงาน เนื่องจากที่ผ่านมาพนักงานของสำนักงาน กกต.ไม่มีเงินเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนนี้ เหมือนกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลปกครอง สำนักงาน ป.ป.ช.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตนในฐานะที่ทำงานอยู่ที่สำนักงาน กกต.มานาน จึงเห็นว่าควรที่จะเพิ่มเงินประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจในการทำงาน
โดยเงินส่วนนี้จะได้เฉพาะพนักงาน กกต.ลูกจ้าง กกต.ตั้งแต่ระดับรองเลขาธิการ กกต.ลงมาจนถึงลูกจ้าง กกต.เท่านั้น ส่วน กกต.ทั้ง 5 คน และเลขาธิการ กกต.จะไม่ได้รับเงินในส่วนนี้ ซึ่งเรื่องนี้จะไม่ซ้ำรอยกับความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างแน่นอน ขณะที่การประเมินว่าใครจะได้รับเงินส่วนนี้ จะต้องมีหลักเกณฑ์การทำงานที่ชัดเจน จึงส่งผลให้ภาพรวมการทำงาน 3 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มาทำงานแต่เช้า ขยันทำงานกันมากขึ้น ลางานและขาดงานน้อยลง1 ก.ย.เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ กกต.จะต้องมีการผลัดเปลี่ยนเวรกันในการทำงานหลังจากเวลา 16.30 น.รวมวันเสาร์-อาทิตย์ จะให้เจ้าหน้าที่มาทำงานเพื่อรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ โดยจะไม่มีการเบิกค่าล่วงเวลาใดๆ
ทั้งนี้ เงินส่วนนี้เป็นเงินที่อยู่ในงบประมาณของ กกต.ที่รับการอนุมัติจากสำนักงบประมาณผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ไม่ใช่งบที่เหลือจากการเลือกตั้งแต่อย่างใด ยืนยันว่า เรื่องนี้ทำโดยความบริสุทธิ์ใจ และเป็นไปตามกฎหมาย หากมีคนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวนี้ไม่ถูกต้อง ก็สามารถยื่นฟ้องตน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ ตนพร้อมที่จะสู้ทุกศาลและชี้แจงเหตุผลในการดำเนินการต่างๆ เพราะทุกสิ่งที่ทำก็เพื่อพนักงานและลูกจ้าง กกต.ทุกคน
เมื่อถามว่า มี กกต.1 คน ได้แสดงการทักท้วงกับเรื่องดังกล่าวในที่ประชุม นายภุชงค์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามี กกต.1 คน ที่ทักท้วง ซึ่งเราก็ได้อธิบายถึงข้อเสนอว่า เราทำตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงทำตามกฎหมาย และ กกต. คนนั้นก็เข้าใจกับเรื่องนี้ เพราะ กกต.ทั้ง 5 และเลขาธิการ กกต.ไม่มีส่วนที่จะรับเงินส่วนนี้แม้แต่บาทเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระเบียบดังกล่าวมีชื่อว่าระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยเงินส่งเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานที่ดีของพนักงานและลูกจ้างประจำของสำนักงาน กกต.พ.ศ. 2555 ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 30 มี.ค.2555 ลงนามโดยนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในประกาศ โดยมีอัตราเงิน เช่น ผู้บริหารระดับสูง จะได้รับเงินเพิ่มประสิทธิภาพ 15,000-17,500 บาท ผู้บริหารระดับกลาง จะได้รับเงินเพิ่มประสิทธิภาพ 12,500-14,000 บาท พนักงานปฏิบัติระดับกลาง จะได้รับเงินเพิ่มประสิทธิภาพ 7,500-13,500 บาท พนักงานปฏิบัติระดับต้น จะได้รับเงินเพิ่มประสิทธิภาพ 3,500 – 9,000 บาท และลูกจ้างประจำ จะได้รับเงินเพิ่มประสิทธิภาพ 2,000-4,000 บาท โดยเงินส่วนนี้มีการจ่ายมาแล้วเป็นเวลา 2 เดือน
รายงานข่าวจาก กกต.แจ้งว่า สำหรับพนักงาน ข้าราชการ ในองค์กรอื่นๆ ก็ได้มีการจ่ายเงินค่าตอบแทนอื่น หรือเงินในลักษณะเช่นเดียวกันกับ กกต.ไปแล้ว โดยศาลปกครอง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ป.ป.ช. ได้มีจ่ายเงินไปแล้วเมื่อปี 2542 ศาลยุติธรรม ในปี 2543 ศาลรัฐธรรมนูญ ในปี 2544 และล่าสุดปี 2555 รัฐสภา กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ กกต.ได้มีอนุมัติปีนี้
แหล่งข่าวจากพนักงาน กกต.รายหนึ่ง กล่าวว่า จากรณีที่ กกต.อนุมัติให้ออกระเบียบเงินเพิ่มประสิทธิภาพกับพนักงาน กกต.เพื่อเป็นขวัญกำลังใจนั้น มีเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งบางคนไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นว่าการอนุมัติเงินจะเป็นข้อผูกพันกลายเป็นสัญญาทาส พนักงาน กกต.จังหวัดก็ต้องเอาใจ ผอ.กต.จว.เพื่อให้อนุมัติเงินให้อาจทำไปสู่การประพฤติมิชอบกับผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะสั่งอะไรก็ต้องทำถ้าอยากได้เงิน ส่วน ผอ.กต.จว.เอง ก็ต้องเข้าหาเลขาธิการ กกต.ให้เห็นหน้าตลอด ถึงจะได้เงินเพิ่มประสิทธิภาพตรงนี้ แล้วถามว่าจะเอาเวลาที่ไหนไปทำงาน อีกทั้งเงินของเจ้าหน้าที่ กกต.ก็มากพออยู่แล้ว ทั้งเงินเดือนเงินประจำตำแหน่ง หรือค่าตอบแทนต่างๆ จึงไม่รู้ว่าจะเอาเพิ่มอะไรอีก ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานของรัฐที่ออกระเบียบเพื่อเพิ่มเงินให้ตัวเองมีปัญหาทุกที่ เพราะผิดระเบียบการเงินการคลัง เงินส่วนนี้จะเป็นเงินเหลือจ่ายจากการเลือกตั้ง ต้องส่งคืนไม่ใช่เอามาแบ่งกันอย่างนี้
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ตนจะรอดูว่าจะมีการเบิกเงินไปใช้กันหรือไม่ เพราะเห็นถ้ามีการเบิกเงินไปใช้แล้ว สักระยะหนึ่งตนจะเป็นผู้ไปฟ้องกับศาลปกครอง ว่า การออกระเบียบดังกล่าวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตนเองทำหนังสือแสดงความจำนงค์ไม่รับเงินดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ากรณีดังกล่าวผิดตั้งแต่ต้น กกต.ออกระเบียบที่เกินอำนาจของตัวเอง อีกทั้งเลขาธิการ กกต.ที่เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ก็เป็นเพียงพนักงานจ้าง ตามสัญญาจ้างของสำนักนายรัฐมนตรี และในกรณีนี้ไม่สามารถนำไปเทียบเคียงกับกรณีศาลปกครองได้ เพราะที่ศาลปกครองมีการประเมินกันอย่างจริง มีกฎหมายรองรับถูกต้อง อีกทั้งองค์กรศาลเป็นองค์กรที่สังคมให้การยอมรับแตกต่างกับที่ กกต.ทำหากมีการประเมินจริงแต่เป็นการอบรมแล้วสอบเท่านั้น ทำกันเองภายในสำนักงาน แต่คนภายนอกไม่สามารถจะตรวจสอบหรือรับรู้ได้ และการดำเนินการดังกล่าวได้มีการเบิกจ่ายไป 2 เดือนแล้ว