“อภิสิทธิ์” ระบุยังไม่รีบยื่นซักฟอก รออภิปรายงบประมาณ และการแถลงผลงาน 1 ปีของรัฐบาลผ่านไปก่อน ช่วงนี้แค่รวบรวมข้อมูล บอกอย่าตกใจการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นเรื่องของการตรวจสอบตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ห่วงประเด็นการเกณฑ์ทหารมาขยายผล แต่ต้องอยู่ในกรอบ เผยลงพื้นที่ภาคใต้ดูเหตุระเบิดโรงแรมซี.เอส. ชี้สถานการณ์ใต้ลุกลาม เหตุโยกบุคลากรมั่ว ขาดความต่อเนื่อง ทำงานไร้ทิศทาง เตือนไม่ฟังปล่อย “นช.แม้ว” จุ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่ภาคใต้ถึงการเตรียมการยื่นญัตนติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ขั้นตอนอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพราะสมัยประชุมเปิดจนถึงเดือนธันวาคม และยังมีเรื่องที่รัฐบาลจะต้องชี้แจงทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณ และการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปีด้วย จึงเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจควรจะรอให้ทั้งสองเรื่องนี้จบก่อน แต่ขณะนี้ก็รวบรวมข้อมูลไปเรื่อยๆ
ส่วนผลสำรวจความเห็นประชาชนออกมาว่าไม่อยากให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ตนเห็นว่าอาจเป็นเพราะเพิ่งเปิดสภาทำให้สาธารณชนยังไม่รับทราบข้อมูลทั้งหมด ซึ่งความจริงการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่เป็นระบบตรวจสอบที่จะทำให้สภาได้นำเสนอข้อมูล ความจริง ทั้งกับรัฐบาลและสาธารณชนได้ จึงไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล
“ผมว่าประชาชนอาจกังวลว่าจะวุ่นวาย แต่ความจริงเป็นการใช้กระบวนการของสภาในการตรวจสอบและรัฐบาลก็ไม่ต้องตื่นเต้นมาก เพราะสมัยที่ผมเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกโอกาสที่ทำได้ เราไม่เคยโวยวายหรือไปตอบโต้ เพราะถือเป็นหน้าที่ในการชี้แจงต่อสภา”
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยขู่ว่าจะมีการอภิปรายนายอภิสิทธิ์กลับนั้น ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง และไม่ทำให้กระบวนการของสภาเป็นอย่างที่ควรจะเป็น จึงอยากให้มองว่ากระบวนการของสภาเป็นเรื่องที่ต้องส่งเสริม แต่ถ้ามีการใช้เวทีสภาผิดวัตถุประสงค์ก็ไม่เป็นประโยชน์ การที่ยังพยายามกล่าวหาเรื่องการเกณฑ์ทหารของตนนั้นก็เป็นเรื่องเก่าที่ตนเคยชี้แจงไปหมดแล้ว แต่พยายามย้ำในบางประเด็นเพื่อกลบเกลื่อนหลายเรื่อง ถ้ามีการหยิบเรื่องนี้ไปพูดในสภาระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็คงต้องดูข้อบังคับด้วย เพราะเรื่องนี้ตนดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีการโจมตีฝ่ายค้านว่ารังแกผู้หญิงหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าการอภิปรายจะเป็นเรื่องไหนอย่างไรบ้าง เพราะอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล แต่มีนโยบายบางเรื่องที่เห็นชัดเจนว่ามีความล้มเหลวหรือการทุจริตเกิดขึ้น และยืนยันว่าพรรคไม่อภิปรายในเรื่องตัวบุคคลแต่อภิปรายเรื่องของงาน ความล้มเหลว ความเหมาะสม เพราะนับตั้งแต่รัฐบาลบริหารงานมาหนึ่งปี ก็มีปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนเดือดร้อน และมีข้อสงสัยในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็ยอมรับไม่ได้
ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดปัตตานีนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าจะเดินทางไปที่โรงแรมซี.เอส. ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุระเบิด และเป็นการไปเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจะมีการพูดคุยสอบถามผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ ประชาชนและสื่อมวลชน เพื่อรับฟังความคิดเห็น และรวบรวมข้อมูลนำเสนอรัฐบาลต่อไป
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือการปฏิบัติ เช่น จะมีการพูดเรื่องเคอร์ฟิว หรือการปรับการทำงานบางสิ่งบางอย่าง แต่ยังไม่ทราบว่าภาพรวมของนโยบายจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรหรือไม่ ซึ่งพรรคพยายามเสนอมาโดยตลอดว่า ภาพรวมของนโยบายมีความสำคัญ โดยเฉพาะการไปเปลี่ยนแปลงคนที่ทำนโยบายซึ่งได้รับการยอมรับออกไป อาจทำให้เกิดปัญหาความไม่ต่อเนื่อง ความไม่ชัดเจนของนโยบายเกิดขึ้นจึงคิดว่ารัฐบาลควรตั้งหลักรับฟังสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์นำเสนอไป และแก้ปัญหาที่เป็นช่องว่าง หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงบุคลากร และไม่เดินตามนโยบายของ สมช.อย่างชัดเจน น่าจะเป็นเงื่อนไขสำคัญ
“ผมยืนยันว่าพรรคไม่เคยนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมืองที่เราต้องการให้รัฐบาลแก้ไข เราไม่ได้เช่นการเมืองกับใคร แต่พยายามนำเสนอข้อมูลและเรียกร้องให้รัฐบาลใส่ใจรับฟังความเห็นที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ามี ส.ส.อยู่ในพื้นที่มาก แต่เวลาที่พวกเราเสนอความเห็นก็ไม่ได้รับความสนใจในการนำข้อมูลไปใช้ ผมคิดว่าถ้ารับฟังสิ่งที่พรรคเตือน ในบางเงื่อนไขไม่น่าจะเกิดขึ้น เช่น กรณีการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และแนวทางการประเมินปัญหา ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้นายกฯยังประเมินว่าไม่มีเรื่องการแบ่งแยกดินแดน สิ่งเหล่านี้ต้องระมัดระวัง”
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีการปองร้ายบุคคลระดับวีไอพีว่า เป็นข่าวที่ไม่ควรประมาท แต่จะกังวลจนไม่ทำหน้าที่ไม่ได้ เพราะเราก็ต้องทำหน้าที่ของเรา