“เทพไท” ระบุรัฐบาลใช้วิธีเลื่อนวาระร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแทนการถอน แค่ซื้อเวลา เป็นระเบิดรอวันปะทุ ซัดรัฐบาลไว้ใจไม่ได้ เปรียบไม่มีสัจจะในหมู่โจร เตือนอย่าลักไก่นำขึ้นมาพิจารณาตอนเผลอ เพราะประชาชนเฝ้าจับตาอยู่ พร้อมจี้ “ขุนค้อน” แสดงสปิริตหยุดทำหน้าที่หลังถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรม ขณะเดียวกันเรียกร้องรัฐบาลหาจุดยืนให้ชัดเรื่องแก้ รธน. เหตุสมุนความเห็นแตก ทำสังคมสับสน
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมสภาฯ นัดพิเศษเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) ถึงท่าทีต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติของรัฐบาลว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ พยายามใช้วิธีการขายผ้าเอาหน้ารอดในการรวบรัดให้การประชุมเลื่อนวาระกฎหมายพิเศษขึ้นมาพิจารณา 10 ฉบับ เพื่อซื้อเวลาไม่ให้สภาฯ ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองซึ่งเป็นวาระการประชุมที่ค้างอยู่ จึงอยากถามนายสมศักดิ์ พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลว่าวิธีการเช่นนี้สามารถที่จะปลดล็อกความขัดแย้งในสังคมได้หรือ เพราะเป้าหมายของคนในสังคมคือให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองออกในทันที และไม่ควรนำเข้ามาพิจารณาอีก แต่การซื้อเวลาโดยการเลื่อนร่าง พ.ร.บ.อื่นๆ ขึ้นมาพิจารณา 10 วาระ จึงอยากถามว่าเมื่อพิจารณาครบทั้ง 10 ฉบับแล้วรัฐบาลจะต้องเลื่อนมาอีกกี่วาระถึงจะซื้อเวลาให้พ้นการพิจารณาร่าง พ.ร.บงปรองดองไปได้
“ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองคือระเบิดเวลาของรัฐบาล แม้จะเลื่อนไปอย่างไรก็ตาม ประชาชนที่คัดค้านก็เฝ้าติดตามรอโอกาสว่ารัฐบาลจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาไหร่ จึงอยากเตือนว่าอย่าใช้พฤติกรรมในการลักไก่ตอนทีเผลอ เพราะประชาชนเฝ้าระวังอยู่ รัฐบาลชุดนี้ไว้ใจไม่ได้ไม่ต่างจากรัฐบาลโจร ที่ไม่มีสัจจะในหมู่โจรเช่นใด ประชาชนก็ไม่สามารถไว้ใจพฤติกรรมของรัฐบาลได้เช่นนั้น”
นายเทพไทกล่าวอีกว่า พฤติกรรมของนายสมศักดิ์ที่ผ่านมาทำให้มีเพื่อนสมาชิก 2 คนได้ยื่นให้คณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบ กรณีคลิปลับที่ส่อว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง ขาดคุณสมบัติของการเป็นประธานที่ไม่เหมาะสมที่จะนั่งในตำแหน่งประธานสภาฯ ต่อไป ดังนั้น เมื่อมีการยื่นสอบต่อคณะกรรมการจริยธรรมแล้ว นายสมศักดิ์ควรแสดงสปิริตละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะพิจารณาเสร็จสิ้น เพื่อเป็นการสร้างความสง่างามให้ตำแหน่งของประมุขนิติบัญญัติ อย่างไรก็ตาม แม้นายสมศักดิ์ไม่อยู่ทำหน้าที่ประธานในการควบคุมการประชุมก็เชื่อว่ารองประธานอีก 2 คน โดยเฉพาะนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 จะทำหน้าที่ควบคุมการประชุมได้ดีกว่านายสมศักดิ์ด้วยซ้ำ
นายเทพไทยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า อยากเรียกร้องไปยังพรรคเพื่อไทย รัฐบาล และกลุ่ม นปช. เพราะขณะนี้เกิดความสับสนในสังคมเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาก ซึ่งล้วนเกิดจากความเห็นในฝ่ายของระบอบทักษิณทั้งสิ้น โดยหลังจากที่บ้านเลขที่ 111 ปลดล็อกหลายคนเข้ามามีบทบาททำตัวเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ แย่งชิงการนำ เช่น นายโภคิน พลกุล และอีกหลายคน ในขณะที่แกนนำ นปช. หรือนายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณก็คิดไปอีกแบบ
“วันนี้สังคมต้องการคำตอบว่าคนในพรรคเพื่อไทยจะเอาอย่างไรกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยากจะโหวตลงมติวาระ 3 ก็โหวต หรือจะศึกษาก่อนก็ควรประกาศให้ชัด เพราะแถลงการณ์ของ วิปรัฐบาล ที่ออกมาก็ไม่มีความชัดเจน โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนาก็บอกจะแก้ไข มาตรา 237 เป็นหลัก พรรคเพื่อไทยบอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับบ้าง รายมาตราบ้าง จึงอยากเรียกร้องความชัดเจนจากฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีอยู่หลายกลุ่ม เพื่อให้ฝ่ายที่เห็นต่างกันได้แสดงจุดยืนและเตรียมการต่อสู้ตามแนวความคิดทางการเมืองในโอกาสต่อไปด้วย”