“เจ๋ง ดอกจิก” ยังห้าว อ้างศาล รธน.แจ้งความหมิ่นประมาทเพื่อแก้เกี้ยว รักษาสถานะของตัวเอง เหตุประชาชนไม่ให้ความไว้วางใจตุลาการ ศาลฯ โวยความรู้สึกช้าเรื่องเกิดมาเป็นเดือนเพิ่งมาแจ้งความ เชื่อมีใบสั่ง
วันนี้ (31 ก.ค.) นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ถูกโฆษกศาลรัฐธรรมนูญฟ้องหมิ่นประมาทว่า เรื่องนี้มี 2 ประเด็น คือ กรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ คัดค้านการยื่นประกันตัวนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ทำให้ศาลเรียกผู้ถูกร้องทั้งหมด 19 ราย อาทิ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ เพื่อไต่สวนในวันที่ 9 ส.ค.นี้ ซึ่งศาลอาจจะพิจารณาถอนประกันคดีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.รวมไปในวันเดียวกันด้วย
นายยศวริศกล่าวว่า อีกประเด็นหนึ่งคือกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความที่กองปราบปรามเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา มีทั้งชื่อของตน นายก่อแก้ว และจ.ต.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ในข้อหาหมิ่นประมาท จึงขึ้นอยู่ที่พนักงานสอบสวนว่าจะเรียกพวกเราไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันใด อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกกังวล และจะไปรับทราบข้อกล่าวหา ถ้าได้รับหมายเรียกและพร้อมต่อสู้คดี สำหรับตนไม่มีปัญหา เพราะรู้สึกว่าการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นเพียงการแก้เกี้ยว แก้ต่าง ทำไขสือของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากระยะหลังนี้ประชาชนไม่ค่อยให้ความไว้วางใจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความเพื่อจะรักษาสถานะของตัวเอง
“การแจ้งความหมิ่นประมาทในเคสนี้ ซึ่งเกิดขึ้นมาเป็นเดือนแล้ว ถ้าจะหมิ่น ทำไมเพิ่งมารู้สึกได้ตอนนี้ ตอนที่ใกล้จะพิจารณาในวันที่ 9 ส.ค. คิดว่าศาลคงเอามาเป็นองค์ประกอบในการไต่สวนของศาลมากกว่า เพราะความจริงถ้ารู้สึกว่าถูกหมิ่นประมาท ก็น่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับพวกเราก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น ผมหมายความว่าหลังจากที่ปราศรัยเสร็จ ถ้ารู้สึกว่าถูกหมิ่นประมาทน่าจะไปแจ้งความทันที เพราะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญเคยออกมาแถลงแล้วว่าการพูดของผมที่นำเอาเบอร์โทรศัพท์มาบอกนั้น ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาทคุกคาม และผมก็ได้ขึ้นเวทีขอโทษแล้ว ผมพร้อมชี้แจงต่อศาล มีหลักฐานพร้อม ไม่มีปัญหา และคิดว่าอาจจะมีใบสั่งจากที่หนึ่งที่ใดให้มาฟ้องพวกผม ว่ากันไปไม่มีปัญหา พร้อมชี้แจง มีหลักฐานครบ เพราะผมได้ขอโทษไปแล้วว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์”