ผ่าประเด็นร้อน
อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่าทีชัดเจนของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศระหว่างงานเลี้ยงอบรม ส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันก่อนเรียกร้องให้ช่วยกันสนับสนุนประคับประคองรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้อยู่ในอำนาจให้นานที่สุด ขณะเดียวกันได้เตือนให้ลูกน้องของเขาทั้งหลายมีความรอบคอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่าผลีผลามเป็นอันขาด
พร้อมทั้งย้ำว่าไม่ต้องเป็นห่วงว่าเขาจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่
คำพูดและท่าทีดังกล่าวของทักษิณ สอดคล้องกับคำพูดของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่นำมาอ่านในที่ประชุมสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่เน้นในเรื่องการถอยและการเดินช้าลง เพื่อให้บรรยากาศปรองดองมากขึ้น ซึ่งสำหรับนายกฯ คนนี้หากพิจารณาจากระดับความคิดแล้วนี่คือคำสั่งหรือวิธีคิดที่ส่งผ่านมาอีกทอดหนึ่งนั่นเอง
สรุปก็คือไม่มีใครเชื่อว่าท่าทีดังกล่าวของยิ่งลักษณ์ เกิดจากความคิดของตัวเอง แต่เป็นความคิดของพี่ชาย ที่ผ่านการประเมินสถานการณ์จากกุนซือที่อยู่รอบตัวเหมือนกัน
ถ้าให้สรุปกันอีกชั้นหนึ่งก็ต้องบอกว่า ทักษิณได้ชะลอผ่อนเกมให้ช้าลง และหันมาประคับประคองรัฐบาล รักษาอำนาจรัฐเอาไว้ให้นานที่สุด ซึ่งท่าทีดังกล่าวมันก็ย่อมมีที่มาที่ไปอย่างแน่นอน
ที่มาที่ว่านั่นก็คือผลจากการที่ฝ่ายทักษิณ ชินวัตร เหิมเกริมเนื่องจากคิดว่ามีเสียงข้างมาก คุมทุกอย่างเบ็ดเสร็จสามารถทำอะไรก็ได้ ประเภท “หักคอ” เอาทุกอย่าง จนนำไปสู่การเสนอร่างพระราชบัญญัติลบล้างความผิดให้นักการเมืองที่ทุจริตและทำผิดกฎหมายภายใต้ชื่อกฎหมายปรองดองเพื่อตบตา และถัดมาก็มาถึงการฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้วร่างขึ้นใหม่ตามอำเภอใจของตัวเอง
การกระทำดังกล่าวได้เกิดกระแสต่อต้านจากสังคมอย่างรุนแรง เพราะเข้าใจตรงกันว่านี่คือการ “เอาเปรียบ” ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดต่อประชาชน
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์รอบตัว พิจารณาจากผลงานของรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่มี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เวลาผ่านมา 1 ปี แต่กลับทำได้น่าผิดหวัง ไม่สมกับราคาคุย ทั้งที่มีปัจจัยพร้อมที่สุด นั่นคือเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง มีเครือข่ายกลไกอำนาจรัฐ มีคนที่ไว้ใจได้ มีเครือญาติมารับใช้ใกล้ชิดในตำแหน่งสำคัญทั้งในวงราชการ การเมือง แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง
เกิดภาวะข้าวของแพง สินค้าเกษตรตกต่ำ การส่งออกของไทยลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะเรื่องข้าวกลายเป็นว่าในรอบ 6 เดือนไทยเราได้เสียแชมป์ให้กับคู่แข่ง การส่งออกลดลงถึงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และยังมีแนวโน้มต่ำลงมาเรื่อยๆ
นี่ยังไม่นับเรื่องสถานการณ์ความรุนแรงในชายแดนภาคใต้ที่น่าเป็นห่วง
สังเกตเห็นแล้วว่าเริ่มมีเสียงโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆ จากประชาชน อย่างน้อยกระแสความนิยมแบบฟีเวอร์เหมือนเมื่อก่อนลดน้อยถอยลงไปทุกวัน
บรรยากาศไม่สนุกเหมือนเดิม สิ่งเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้เครือข่าย ทักษิณ เริ่มเสื่อมถอยลงอย่างช้าๆ เพราะยิ่งอยู่นานไปเท่าไหร่มันก็เหมือนกับประจานตัวเองว่าที่แท้แล้ว ข้างใน “กลวงโบ๋” จะโทษใครก็ไม่ได้ ฟังไม่ขึ้นแล้ว
หากไม่เชื่อก็ลองตั้งสติถามตัวเองดูเอาก็ได้ว่าตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนานเกือบปี มีความสุขเพิ่มขึ้นหรือไม่ ความเป็นอยู่ ค่าครองชีพราคาข้าวของแพงขึ้นจนชักหน้าไม่ถึงหลังหรือไม่ รับรองว่าคำตอบต้องตรงกันคือ ใช่
ด้วยเหตุผลจากความล้มเหลวดังกล่าวข้างต้นทำให้ ทักษิณ และระดับกุนซืออ่านสถานการณ์เข้าใจว่าถ้ายังเปิดเกมรุกเร็วแบบต้องการรวบรัดให้เสร็จตามเป้าหมายอย่างที่เคยคาดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้ คงเป็นไปไม่ได้ ตรงกันข้ามหากยังขืนดึงดันเดินต่อมันก็มีโอกาสทำให้รัฐบาลพังเร็วกว่ากำหนด นั่นก็หมายความว่าอำนาจรัฐที่ถืออยู่ในมืออาจหลุดลอยไปดื้อๆ ขาดทุนป่นปี้
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่ ทักษิณ ชินวัตร อ่านเกมออก สั่งให้ปรับกระบวนใหม่ ให้ผ่อนเกมเดินช้าลง โดยเฉพาะการส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เปลี่ยนแปลงปรับเกมใหม่ให้มาแก้ไขแบบรายมาตรา รอจังหวะมากขึ้นกว่าเดิม เพราะรับรู้ว่าในอนาคตเริ่มคุมเกมไม่ได้แบบเบ็ดเสร็จแล้ว และเป็นไปได้ว่าต่อไปจะต้องหันมาเน้นมาประคับประคองรัฐบาลน้องสาวตัวเองให้อยู่นานที่สุด ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตอีกไม่ไกลนักไทยจะต้องเจอกับผลกระทบจากวิกฤตภายนอกที่เราควบคุมยากถึงตอนนั้นจะยิ่งหนักกว่าเดิม
นี่คือสาเหตุว่าทำไม ทักษิณ ชินวัตร ถึงได้สั่งให้ชะลอผ่อนเกมลงมาให้เดินช้าลง และประคับประคองรัฐบาลให้อยู่นานที่สุด!!