ผ่าประเด็นร้อน
มองในมุมของ ทักษิณ ชินวัตร มันก็น่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน เพราะถือว่าที่ผ่านมาได้ลงทุน ออกค่าใช้จ่ายไปไม่น้อย เพื่อหวังจะได้ “กลับบ้านอย่างเท่” และมั่นใจถึงขนาดเคยบอกกับมวลชนคนเสื้อแดงให้แยกย้ายกันไป เพราะตัวเองกำลังจะเข้าสู่โหมดการปรองดอง อยากให้ทุกคนเสียสละลืมอดีตเพื่อก้าวไปข้างหน้า
แต่เมื่อทุกอย่างพลิกผันชั่วข้ามคืนทั้งเรื่องร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ (ล้างผิด) ไม่สามารถลงมติได้ ต่อมาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การฉีกทิ้งและร่างใหม่ทั้งฉบับก็เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าทำไม่ได้ หากยังไม่ผ่านการลงประชามติเสียก่อน หรือหากจะแก้ไขต้องแก้ไขรายมาตรา แต่สรุปก็คือ ทำให้การแก้ไขที่ว่ากันว่ามีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การลบล้างความผิดให้เขากลับมามีอำนาจอีกครั้งต้องสะดุดลงชั่วคราว และมีแนวโน้มว่าต้องมาตั้งต้นกันใหม่
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วเริ่มมองเห็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนขึ้นมาแล้วว่าจะผลักดันให้แก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่งนอกจากมีความรวดเร็วทันใจไม่กี่วันก็สำเร็จแล้ว โดยสามารถใช้เสียงข้างมากที่มีอยู่ในสภาลงมติได้ทันที และถ้าพิจารณาจากความต้องการก็ต้องมีมาตรา 309 เป็นเรื่องหลักแน่นอน เพราะถ้าทำได้สำเร็จความผิดของ ทักษิณ ก็จะถูกลบล้าง เสมือนหนึ่งว่าไม่เคยได้กระทำมาก่อน ทำให้ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ความหวังจะได้กลับบ้านอย่างเท่ก็มีลุ้นอีกครั้ง และเร็วกว่าเดิมอีกด้วย
สำหรับสาระของมาตรา 309 ซึ่งเป็นมาตราท้ายของรัฐธรรมนูญได้บัญญัติเอาไว้ว่า บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งในวงการย่อมเข้าใจดีว่าได้ครอบคลุมไปถึงการกระทำผิดของทักษิณ อันเนื่องมาจากการถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 2 ปีในคดีที่ดินรัชดาภิเษก รวมทั้งคดีฟ้องร้องในศาลจากการทุจริตอีกหลายคดี หรือแม้แต่การถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท นี่ก็ใช่เหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมีอีก 2-3 มาตราในรัฐธรรมนูญที่พวกนักการเมืองอยากให้แก้ไข ก็คือ มาตราที่เกี่ยวกับความผิดของกรรมการบริหารพรรคที่นำไปสู่การยุบพรรคการเมือง รวมทั้งเรื่องที่ต้องการให้ ส.ส.สามารถไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ซึ่งทั้งสองเรื่องดังกล่าวเป็นยอดปรารถนาของพรรคการเมือง ส่วนมาตราอื่นๆ หรือเรื่องอื่นๆ ถือเป็นน้ำจิ้ม และใช้เป็นเหตุผลให้ดูดี เป็นนักประชาธิปไตยเท่านั้น จะแก้ไขหรือไม่แก้ไขก็ไม่มีปัญหา และไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดินอยู่แล้ว
มั่นใจว่าหลักการที่เชื่อกันว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลกำลังจะผลักดันหลังจากนี้ก็คือการเสนอขอแก้ไขเป็นรายมาตรา โดยจะพุ่งเป้าไปที่มาตรา 309 ดังกล่าว รวมทั้งอีก 2-3 มาตราที่ว่า โดยเฉพาะมาตรา 309 ที่เป็นเรื่องหลัก จะอ้างว่าเพื่อล้มล้างคำสั่งของคณะรัฐประหารที่เป็นเผด็จการ โดย สมาชิกสภาที่มาจากประชาชน ซึ่งก็มีการแย้มออกมาแล้วจากฝ่ายกฎหมายของพรรคที่เป็นกรรมการยุทธศาสตร์ฯ คนสำคัญ คือ โภคิน พลกุล หรือแม้แต่ความเคลื่อนไหวของรองนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่แม้ยังอุบไต๋ แต่ก็เชื่อว่าต้องมาแนวทางนี้เช่นเดียวกัน
แต่ก็อย่างว่าบางครั้งคนคำนวณก็มิสู้ฟ้าลิขิต แม้ที่ผ่านมาก็มั่นใจมาแบบนี้ตลอด คิดว่ามีเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จ มีอำนาจรัฐในมือจะทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้ แต่ผลที่สะท้อนกลับมากลับไม่เป็นตามที่หวังสักเรื่อง มีแต่ห่างไกลจากความเป็นจริงออกไปเรื่อยๆ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เหมือนกันใครจะไปนึกว่าจะพลิกผันออกมาอย่างที่เห็น ประกอบกับเวลานี้หากสำรวจความรู้สึกของชาวบ้านเมื่อไรผลก็ออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าให้เลิกพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องร่างพระราชบัญญัติปรองดองออกไปก่อน แล้วให้รัฐบาลหันมาดูแลเรื่องปัญหาปากท้องของชาวบ้านเป็นอันดับแรก เพราะสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นเป็นผลประโยชน์ของนักการเมืองล้วนๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตยบ้าบออะไรก็ไม่รู้ กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ และนับวันเริ่มรำคาญมากขึ้นทุกทีแล้ว
ขณะเดียวกันยังเชื่ออีกว่า เมื่อทุกอย่างเริ่มชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลคิดจะดำเนินการในแนวทางดังกล่าวจริง นั่นคือแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงให้นักการเมืองได้ประโยชน์ถึงตอนนั้นจะมีประชาชนออกมาต่อต้านอีก และคราวนี้น่าจะมากกว่าเดิมจนเหนือความคาดหมาย แน่นอน!!