ประธานวิปรัฐบาล คาดสัมมนายังไม่ได้ข้อสรุปแก้รัฐธรรมนูญ แต่คงได้แนวทางถกร่วมพรรครัฐอังคารนี้ ยันพรรคเห็นพ้องเป็นเอกภาพ ย้ำหนุนโหวตวาระ 3 ต่อ รับคำวินิจฉัยทำเสียงไขว้เขว ชี้ยื่นศาลรธน.ฟันธงให้ชัดก็เป็นอีกทางเลือก ด้านหัวหน้าพรรค เปิดประชุมเพื่อไทย เพื่อประชาธิปไตย เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย คุยผลงานรัฐ ทำความเข้าใจงานสภา ปรับปรุงความเข้มแข็ง
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่ร.ร.แอมบาสเดอร์ จอมเทียนพัทยา เมื่อเวลา 10.00 น. นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า การสัมมนาพรรคเพื่อไทยวันนี้จะยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่จะเป็นโอกาสให้ส.ส.ในพรรคได้แสดงความคิดเห็นถึงแนวทางที่เป็นไปได้ เพื่อนำไปหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้งในวันที่ 31ก.ค. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ โดยตามกระบวนการแม้พรรคเพื่อไทยจะมีเสียงในสภา 265เสียง แต่ก็ไม่สามารถทำเพียงพรรคเดียวได้ ต้องอาศัยเสียงจากพรรคร่วมและส.ว.บางส่วนได้ ตนยืนยันว่าขณะนี้ในพรรคเพื่อไทยเองมีความเห็นเป็นเอกภาพ แต่การที่เป็นองค์กรใหญ่สมาชิกแต่ละคนก็สามารถวิเคราะห์ไปต่างๆได้
นายอุดมเดช กล่าวว่า ส่วนตนนั้นเห็นด้วยกับแนวทางที่จะเดินหน้าโหวตวาระ3ต่อไป แต่เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาแบบนี้ จึงทำให้เสียงที่เคยได้ 399 เสียงเริ่มไม่แน่ใจ และหากโหวตไปอาจทำให้เสียงได้ไม่เท่าเดิม เพราะมีความวิตกกังวลกันว่าหากลงมติในวาระ 3 ไปแล้ว ใครก็สามารถไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงอีกก็ได้ โดยขณะนี้ทุกแนวทางมีโอกาสเป็นไปได้ แต่หลายฝ่ายยังห่วงอำนาจองค์กรอิสระอยู่ ส่วนแนวคิดที่มีผู้เสนอให้ยื่นต่อศาลเพื่อขอให้ขยายความคำวินิจฉัยให้ชัดเจนขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งทางทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็เป็นกระบวนการของทางรัฐสภาที่ตนอาจจะเสนอเรื่องนี้ต่อไป
จากนั้น เมื่อเวลา 10.30น. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อ กล่าวเปิดการสัมมนา “เพื่อไทย เพื่อประชาธิปไตย เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย” ว่า วัตถุประสงค์ของการสัมมนาครั้งนี้คือ 1.เพื่อรับทราบการทำงานของรัฐบาล ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเพื่อที่จะได้เข้าใจตรงกันและสามารถไปบอกกับประชาชนได้อย่างถูกต้อง 2.เรื่องที่จะต้องพูดในสภาฯ เพราะวันที่ 1 ส.ค.จะเปิดการประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป จึงต้องมีการทำความเข้าใจให้ตรงกัน ทั้งเรื่องร่างพรบ.ปรองดอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และ 3.การปรับปรุงความแข็งแรงของพรรค เพราะขณะนี้มีคนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำงาน 1 ปีที่ผ่านมาของนายกฯ ได้สร้างความนิยมมากมาย ซึ่งช่วยทำให้พรรคเพื่อไทย อยู่ในความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนตลอดไป