เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 เชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่านข่าวต่างประเทศชิ้นหนึ่งระบุว่าประธานาธิบดีลีเมียงบัคแห่งเกาหลีใต้ได้โค้งศีรษะขอโทษประชาชนทั้งประเทศเมื่อวันอังคารที่ 24 ก.ค. หลังจากพี่ชายของเขาและคนใกล้ชิดถูกดำเนินคดีในข้อหาทุจริตรับสินบน และร้อยทั้งร้อยต้องนำมาเปรียบเทียบกับกรณีของประเทศไทยที่พี่ชายของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี และสั่งยึดทรัพย์จากกรณีทุจริตใช้อำนาจมิชอบ รวมทั้งกำลังถูกดำเนินคดีมากมายยาวเป็นหางว่าว ล่าสุดวานนี้( 25 ก.ค.) ศาลฎีกาฯได้รับฟ้องคดีทุจริตการปล่อยกู้ ธ.กรุงไทยอีก 9 พันล้านบาท
00 อ่านข่าวดังกล่าวบางคนก็อาจจะชี้หน้าว่าผู้นำเกาหลีใต้โง่เซ่อก็ได้ว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” จากพวกขี้อิจฉาทางการเมือง เพราะปลายปีนี้ก็มีการเลือกตั้งใหม่ หรือไม่ก็คือ “ศาลยุติความเป็นธรรม” ก็ได้ อ้อแล้วทำไมไม่คิดแก้ไขรธน.หรือเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อล้างผิดวะ หรือไม่ก็ใช้มวลชนออกมากดดันเหมือนประเทศไทยละ ที่เกาหลีใต้ถ้าจะว่าไปแล้วมีเรื่องราวทุจริตในหมู่นักการเมืองและข้าราชการไม่แพ้ไทย แต่ที่แตกต่างกันอย่างลิบโลกก็คือ “เมื่อทำผิดแล้วก็ต้องติดคุก” ไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น แม้แต่อดีตประธานาธิบดี “ซุนดูฮวาน” ก็เคยถูกศาลสั่งประหารชีวิตมาแล้ว รวมอดีตประธานาธิบดีอีกคนหนึ่งที่มีคดีทุจริตแต่ได้ตัดสินใจโดดหน้าผาฆ่าตัวตายเสียก่อน สรุปก็คือที่เกาหลีใต้ไม่ว่านักการเมืองคนนั้นจะสร้างความเจริญพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีอย่างไร แต่หากทำความผิดก็ต้องถูกลงโทษ เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายทำหน้าที่ตรงไปตรงมาและเข้มแข็งไม่ยกเว้น อ้อ แล้วเขา “หน้าบาง” ทำผิดแล้วสำนึกผิด “ยอมขอโทษ”
00 หันมาดูนักการเมืองในประเทศไทยบ้าง ล้วนตรงกันข้าม ขนาดมีหลักฐานคาหนังคาเขาไม่มีทางยอมรับ ให้แคบเข้ามาอีกก็คือกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลตัดสินถึงที่สุดแล้วว่าผิด ว่าโกง แต่ก็ไม่เคยสำนึก กลับไปโทษคนอื่น โทษศาลว่าไม่ยุติธรรม หรือถูกกลั่นแกล้ง ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือใช้เงินที่โกงชาวบ้านไปจ้างสมุนปลุกระดมป่วนบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา เพียงเพื่อตัวเองยังไม่ได้ตามสิ่งต้องการ นั่นคือทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษเหมือนคนอื่น
00 ขณะที่ผู้นำคนปัจจุบัน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันทั้งวันไม่เคยมีท่าทีจุดยืนอะไรเป็นของตัวเอง ลอยไปลอยมาถามอะไรก็ไม่เคยได้คำตอบ โยนไปนั่นมานี่ตลอดเวลา กรณีที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้จึงเป็นการพูดเล่นๆให้ขำๆแล้วกันว่านายกฯคนนี้จะขอโทษคนไทยบ้าง และบางทีเธออาจยังไม่รู้ว่าพี่ชายเธอผิดข้อหาอะไร และในทางการเมืองต้องแสดงสปิริตอย่างไรบ้างก็เป็นได้ และที่สำคัญกรณีดังกล่าวที่เกาหลีใต้ไม่มีทางเกิดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นอันขาด
00 สำหรับรายนี้ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ถือว่าจบเห่เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากถูกศาลอาญาสั่งจำคุก 2 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี จากคดีค้างเก่าเมื่อครั้งเป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดินฯปี 2547 ที่มีการออกระเบียบขึ้นเงินเดือนและค่าตอบแทนให้ตัวเองและคณะเป็นความผิดตามมาตรา 157 เมื่อมีคำพิพากษาดังกล่าวก็ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภาทันที จนต้องมีการสรรหาใหม่ข่าวว่าเป็นวันที่ 6 ส.ค.ระหว่างนี้ให้ นิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาทำหน้าที่รักษาการไปก่อน กรณีที่เกิดขึ้นก็สามารถเปรียบเทียบได้เช่นเดียวกันคือ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนับถือน้ำใจลูกผู้ชาย ที่ก้มหน้ายอมรับคำตัดสิน ไม่ฟูมฟายโทษใคร นับถือ !!
00 แต่ขณะเดียวกันก็ฝากเตือน นิคม ไวยรัชพานิช ให้เก็บอารมณ์ “ความอยาก” เอาไว้บ้าง รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่า อยากขึ้นมานั่งเก้าอี้ตัวนี้แทน แต่ระหว่างนี้ขอให้นิ่งเอาไว้หน่อย อ้อ และอย่าทำน่าเกลียดประเภทวิ่งเต้นไปขอความสนับสนุนจากพวก ส.ว.ทาสรัฐบาลจนน่าเกลียดเสียละ ก็ไม่มีอะไรเตือนด้วยความหวังดีเท่านั้น !!