xs
xsm
sm
md
lg

วาระฮ่องกง-แก้ รธน.รายมาตรากับปรับ ครม.ชุดใหญ่!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีกำลังจะมีอายุครบ 1 ปีในอีกไม่วันข้างหน้า และตามหลักปฏิบัติในยุคของ ทักษิณ ชินวัตรที่เป็นพี่ชายก็จะใช้โอกาสแบบนี้ปรับคณะรัฐมนตรีอยู่เป็นระยะ ซึ่งมีทั้ง 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ที่ผ่านมาหากพิจารณาจากตัวบุคคลที่ถูกเปลี่ยนเข้าออกในรัฐบาลรวมทั้งเหตุผลในการปรับก็ไม่ใช่เพื่อความกระฉับกระเฉงมีประสิทธิภาพอะไรหรอก แต่ส่วนใหญ่ถูกมองว่าเพื่อความกระฉับกระเฉงในการวิ่งเต้นมากกว่า เพราะถ้ามีการปรับถี่ยิบเท่าใดก็มีโอกาสแข่งขันกันเสนอราคามากขึ้นไปด้วย

ต้องไม่ลืมว่า รัฐบาลตั้งแต่ในยุคทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีถูกมองว่าเป็นระบบอุปถัมภ์ภายในครอบครัว แบ่งเป็นสายอำนาจหลักๆไม่กี่สาย ซึ่งระบบดังกล่าวก็ถูกมองว่ายังตกทอดมาถึงปัจจุบันในยุคของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แบ่งเป็นสาย ทักษิณ สาย “เจ๊” คนนั้น “เฮีย” คนนี้ และล่าสุดในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็เพิ่มสายยิ่งลักษณ์ เข้ามา และแว่วว่ากำลังมาแรง กำลัง “สร้างบาง” ส่วนตัวขึ้นมาเพิ่ม

อย่างไรก็ดี ถ้าใครอยากให้เก้าอี้แน่นปึ้กก็ต้องคร่อมทั้งสองสายดังกล่าวให้ได้ ซึ่งก็มีไม่น้อยที่ทำได้ดี

อย่างที่ได้เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าในช่วงนี้ถือว่าเป็นวาระสำคัญของเครือข่ายระบอบทักษิณ เพราะกำลังมีงานสำคัญนั่นคือวันเกิดครบรอบ 63 ปี ของทักษิณ ชินวัตร และปีนี้ย้ายมาโผล่อยู่แถวฮ่องกง แต่จะเป็นเพราะด้วย “เหตุอาเพศ” ก็ไม่อาจทราบได้ กลายเป็นว่าฮ่องกงในช่วงนี้ได้เกิดเหตุพายุใต้ฝุ่นพัดกระหน่ำรุนแรงที่สุดในรอบนับสิบปี จนทำให้มีเสียงนินทาค่อนแคะในสังคมออนไลน์ว่าเป็นเพราะ “ฝนตกขี้หมูไหล” ก็ได้

แต่จะด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ ล่าสุดเริ่มมีกระแสยืนยันแล้วว่าการปรับคณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมจะเป็นการปรับคณะรัฐมนตรีแบบชุดใหญ่ เพราะถือว่าถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับปรุงแบบยกเครื่อง อีกทั้งยังเป็นโอกาสเหมาะในการเปลี่ยนแปลงคนเข้าคนออก โดยเฉพาะเป็นช่วงที่พวกบ้านเลขที่ 111 พ้นจากโทษแบนทางการเมือง สามารถเข้ามาเสียบในตำแหน่งสำคัญที่ยังเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล

นั่นเป็นการพิจารณาในหลักการที่เป็นการเสริมความแข็งแกร่ง แต่ในความเป็นจริงมันทำท่าเกิดความปั่นป่วนเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นภายในอันเนื่องจาก “เส้นสาย” ภายในอย่างที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ต้น และแน่นอนว่าการเดินทางไปพบ ทักษิณ ในโอกาสสำคัญที่ว่า หัวข้อหลักที่ต้องเจรจากันก็คือ การ “วิ่งเต้น” เป็นรัฐมนตรี ประเภทใครไปถึงก่อนก็ “ขอก่อน” แล้วแต่ว่าใครจะใช้ความสามารถเฉพาะตัว หรืออ้างอาวุโสมาก่อนกัน อย่างก่อนหน้านี้ก็มี เสนาะ เทียนทอง ที่ได้รับโอกาสเข้าไปคุยเป็นรายแรกๆ และแน่นอนว่าเพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงโควตาครอบครัวของตัวเองอย่างน้อยตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของ ฐานิสร์ เทียนทอง หลานชายตัวเองจะต้องมั่นคง

ที่ว่าเกิดความปั่นป่วน เพราะอย่างที่มีข่าวค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเป็นการปรับใหญ่ นั่นก็หมายความว่า ต้องมีรัฐมนตรีหลายคนต้องถูกปรับออกไป แต่ปัญหาก็คือคนที่นั่งอยู่จะไม่ยอมลุกออกไปง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของพวก 111 ที่พยายามเข้ามาอีก กับพวกลูกน้องเก่าแถวสองแถวสามที่กำลังใหญ่โต

ที่สำคัญก็คือคราวนี้อาการ “แข็งขืน” จะเกิดขึ้นมาจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเอง เพราะเมื่อเวลาผ่านมา 1 ปี ทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าตัวเธอนี่แหละที่เป็นจุดแข็งของรัฐบาล เป็นคนค้ำอำนาจให้พี่ชาย ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ระยะหลังเริ่มมีข่าวการสร้าง “เครือข่าย” ในระดับรัฐมนตรี “สายตรง” ขึ้นมา และเชื่อว่าการปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้ตำแหน่งเธอน่าจะเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง ที่เห็นชัดก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง และ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะต้องอยู่เป็นรัฐมนตรีต่อไปแน่ ส่วนจะนั่งเก้าอี้ตัวไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่ง

อีกวาระหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งซึ่งเป็นผลต่อเนื่องกันจากเรื่องปรับคณะรัฐมนตรีที่เป็นวาระจากฮ่องกงก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล่าสุดเป็นการส่งสัญญาณชัดแล้วว่าไฟเขียวให้แก้ไขรายมาตรา เหตุผลก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะเร็วและคุมง่าย อีกทั้งจะว่าไปแล้วนี่คือความต้องการตั้งแต่ต้น เพียงแต่ว่าต้องการรักษาน้ำใจแนวร่วมที่ชอบอ้างว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันมาจากมดลูกเผด็จการเท่านั้น แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญชี้ช่องมาแบบนี้ก็ได้จังหวะลุยต่อทันที โดยเป้าหมายก็ต้องมุ่งไปที่บางมาตราสำคัญ เช่น 309 ที่ทำให้ตัวเองพ้นผิด รวมทั้งอีกบางมาตราที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ และเพิ่มอำนาจฝ่ายการเมือง

ดังนั้น วาระฮ่องกงที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ถ้าสรุปแบบจับใจความก็ต้องบอกว่ามีอยู่สองเรื่องสำคัญ นั่นคือการปรับคณะรัฐมนตรีที่มีการแย่งกันเสนอหน้าขอเก้าอี้ ขณะที่อีกเรื่องหนึ่งก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตรา แต่เป้าหมายก็ยังเป็นประโยชน์กับ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็ต้องจับตาว่าเมื่อเปิดสภาวันที่ 1 สิงหาคมแต่ละคนจะทำผลงานได้เข้าตาแค่ไหนด้วย เพราะย่อมมีผลต่อเนื่องไปถึงตำแหน่งอีกด้วย แต่ทั้งสองเรื่องมันก็ไม่เกี่ยวกับชาวบ้านแต่อย่างใด!!
เสนาะ เทียนทอง
ยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น