โฆษก สตช.แหกตาคนไทย! คุยโวส่ง ตชด.ประจำการวัดแก้วฯ และหน้าปราสาทเขาวิหาร ทั้งที่เขมรปิดตายประตูเหล็กข้ามห้วยตานีห้ามฝ่ายไทยข้ามไป เผยแหล่งข่าวในพื้นที่และนายทหารเขมรบนปราสาท ยันตรงกัน ตชด.ไทย อยู่เพียงแค่บริเวณหน้าประตูห้วยตานีเท่านั้น ไม่มี ตชด.ประจำการบริเวณวัดแก้วฯหรือหน้าปราสาทเขาวิหารแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 18 ก.ค. เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ ตามประเด็นการปรับกำลังทหารของไทยและกัมพชาว่า หลังพิธีปรับกำลังทหาร ส่ง ตชด.ประจำการหน้าแนวในเขตปลอดทหาร เมื่อช่วงสายวานนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 ห่างชายแดนเขาพระวิหารร่วม 36 กม. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตชด.2 กองร้อยเฉพาะกิจได้เข้าไปสับเปลี่ยนกำลังกับทหารพราน ในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารเรียบร้อยแล้ว โดย ตชด.ที่เข้าปฏิบัติหน้าที่มาจาก จ.สกลนคร 100 นาย ประจำการบริเวณหน้าปราสาทพระวิหาร และจาก จ.อุดรธานี 100 นาย ประจำการบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ
เป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งสองพื้นที่ที่ระบุว่าได้ส่ง ตชด.เข้าไปประจำการแทนทหารพรานนั้น นับตั้งแต่ พ.ศ. 2554 หลังเหตุปะทะเดือนกุมภาพันธ์ปีนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยมีทหารไทยเข้าประจำการในพื้นที่ดังกล่าวเลย การส่งกำลังทหารฝ่ายไทยเข้าประจำการในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ครั้งใหญ่สุดเกิดขึ้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2551 เมื่อ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผบ.กกล.สุรนารี ในขณะนั้น นำกำลังเข้าช่วยเหลือกลุ่มคนไทยที่ถูกเขมรจับตัวที่ประตูห้วยตานี ซึ่งระยะแรกมีการวางกำลังทหารร่วม 200 นาย ที่บริเวณวัดแก้วฯ และถนนคอนกรีตทางขึ้นเขาจากบ้านโกมัย จากนั้นเดือนธันวาคม 2553 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ในขณะนั้นได้เจรจาปรับความเข้าใจกับผู้นำทหารฝ่ายเขมร นำไปสู่การลดกำลังจากประจำการที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ 10 นาย เหลือ 5 นาย และถอยร่นจากบริเวณวัดแก้วฯ มาอยู่ที่บริเวณจุดประสานงานใกล้ตลาดชุมชนชาวเขมร หน้าบันไดทางขึ้นปราสาทฯ ไม่ห่างจากประตูเหล็กข้ามห้วยตานี
แผนที่เขาพระวิหาร แสดงบริเวณที่โฆษก สตช.กล่าวอ้างว่า ตชด.เข้าประจำการ (สีเหลือง) กับบริเวณที่ ตชด.เข้าประจำการจริง (สีแดง)
เมื่อมีการปะทะในเดือนกุมพาพันธ์ 2554 ฝ่ายกัมพูชาได้จับกุมทหารพรานชุดประสานงานของฝ่ายไทย ที่ภายหลังก็ได้มีการเจรจาขอตัวคืน เมื่อเหตุการณปะทะสงบลง ระยะแรกมีการส่งนาวิกโยธินเข้าไปปฏิบัตหน้าที่แทน ไปครั้งละ 2-3 คน ขึ้นไปเวลา 10.00 น. แล้วกลับลงมา 14.00 น. บางวันไป บางวันไม่ไป จนท้ายที่สุดประตูเหล็กบริเวณห้วยตานีถูกเขมรปิดตาย และฝ่ายไทยได้ไม่เข้าไปอีกจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ มีคำสั่งเด็ดขาดของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีเขมร ที่สั่งปิดตายไม่ให้นักท่องเที่ยวจากฝั่งไทย เข้าเยี่ยมชมปราสาทพระวิหาร ผ่านประตูเหล็กข้ามห้วยตานี
ช่วงเช้าวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 ก่อนการพบปะของผู้นำไทยและเขมรที่เมื่องเสียมราฐ ฝ่ายทหารไทยได้เจรจากับผู้นำทหารกัมพูชาในพื้นที่ ต่อรองขอเข้าประจำการที่จุดประสานงานใกล้ตลาดเขมร (ซึ่งอยู่เลยประตูข้ามห้วยตานีเข้าไป) ในสัดส่วนเท่ากันที่ 5:5 แต่ถูกฝ่ายเขมรปฏิเสธ โดยอ้างว่าบริเวณดังกล่าวเป็นเพียงจุดประสานงาน จึงไม่สามารถอนุญาตให้เข้าไปอยู่ประจำได้ และต้องรอคำสังจากฮุน เซน ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า ฝ่ายเขมรยอมให้ทหารพรานเข้าไปแบบเช้าไปเย็นกลับ ไม่ให้อยู่ค้างคืน
ช่วงค่ำวันเดียวกัน หลังการพบหารือระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายฮุน เซน พร้อมด้วยรัฐมนตรีกลาโหมของสองฝ่าย นากยกรัฐมนตรีเขมรได้ประกาศระหว่างการแถลงข่าวร่วมว่า สองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันจะถอนทหารและจะเปิดประตูเหล็กข้ามห้วยตานีอีกครั้ง ทว่า เพียง 5 วัน ให้หลัง นายจุจ เภือน ประธานองค์การพระวิหาร กล่าวหลังเสร็จพิธีถอนทหาร บริเวณที่บัญชาการสันติภาพ 5 มกรา เมื่อ ๑๘ กรกฎาคม 2555 ว่า ฝ่ายเขมรจะไม่เปิดประตูห้วยตานีอีก เนื่องจากเป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ โดยให้ไปใช้ด่านช่องอานม้า ในเขต อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งนายกรัฐมนตรีสองประเทศเห็นชอบให้เปิดอย่างเป็นทางการแทน
รายงานจากแหล่งข่าวในพื้นที่เขาพระวิหาร และนายทหาระดับสูงของเขมรซึ่งประจำการบนปราสาทพระวิหาร ให้ข้อมูลที่สอดคล้องกันว่า ตชด.ไทยที่ถูกส่งเข้าประจำการแทนนั้น ไปอยู่บริเวณ “หน้าแนว” ที่ทหารประจำการอยู่เดิม ซึ่งก็คือบริเวณหน้าประตูเหล็กข้ามห้วยตานี เลยพลาญหินซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของถนนลาดยาง เท่านั้น ไม่มี ตชด.ประจำการบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาะ หรือหน้าปราสาทพระวิหารแต่อย่างใด เว้นแต่จะเรียกบริเวณหน้าแนวดังกล่าวว่า “หน้าปราสาทฯ” เนื่องจากอยู่ตรงข้ามบันไดทางขึ้นด้านหน้าของปราสาทพระวิหาร
แหล่งข่าวให้ความเห็นไว้ในตอนท้ายว่า โฆษก สตช.ควรนำกำลัง ตชด.ข้ามห้วยตานีเข้าไปให้ได้ก่อน ก่อนที่จะกล่าวอ้างคำโตไปไกลถึงวัดแก้วฯ