“เทพมนตรี” ชำแหละคณะกรรมการมรดกโลกปีนี้ ไม่ประชุมเรื่องปราสาทพระวิหาร แต่จะประชุมในปีหน้า ซึ่งกัมพูชาเป็นประธาน บวกกับคำสั่งศาลโลกให้ถอนทหาร ชี้ชัดร่วมมือกันเข้าข้างกัมพูชา เชื่อผลตัดสินไทยแพ้แน่นอน ด้าน “คำนูณ” ย้ำหากจะถอนกำลังทหาร ต้องผ่านสภาตามมาตรา 190 พร้อมเหน็บถ้ารัฐบาลตั้งข้อสงสัยศาลโลก เช่นเดียวกับที่ทำกับศาลไทย ประเทศอาจไม่ต้องเสียดินแดน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "คนเคาะข่าว"
วันที่ 16 ก.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” พูดคุยกันในหัวข้อ “เคารพศาลโลก กรรโชกศาลไทย” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี
นายเทพมนตรีกล่าวว่า หลังจากที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ พบกับนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กัมพูชา ผลการเจรจาออกมาคือการปรับกำลัง สิ่งหนึ่งที่ พล.อ.อ.สุกำพล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดมา มีสิ่งที่ท่านไม่ทราบ คือเรายังมีข้อสงวนสิทธิ ในการเรียกคืนตัวปราสาทพระวิหาร ที่บอกว่าตัวปราสาทเป็นของเขาไปแล้ว อันนี้ล้าหลัง ให้สัมภาษณ์แบบนี้กัมพูชาอาจไปใส่ข้อมูลให้ศาลโลกได้ว่าเราไม่ต้องการเอาคืน แล้วประหลาดมาก ทำไมต้องเป็นวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งครบรอบ 1 ปี ที่ศาลโลกออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว แล้วไทยก็ทำตามเลย โดยไม่ตั้งคำถาม การที่ไทยทำตามคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ให้เห็นว่าเป็นเด็กดี มันไม่มีผลต่อคดี เพราะเราแพ้อยู่แล้ว
นายเทพมนตรีกล่าวอีกว่า เขามายืนบนดินแดนเรา โดยเราไม่เคยขับไล่ จนเขาเอาเรื่องไปสู่ระดับนานาชาติ สุดท้ายภาพที่เราจะเห็นในอนาคต (ภาพประกอบ 3) เป็นแผนบริหารจัดการที่กัมพูชาเสนอกับยูเนสโก หมายความว่ากัมพูชาได้ขีดเขตแดนให้เราเรียบร้อยเลย ให้เราเหลือพื้นที่สีเทาขึ้นไป ส่วนสีเหลืองที่นายนพดล ปัทมะ เคยบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่จริงๆ แล้วคือดินแดนไทย เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ และเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก
จากเดิมคณะกรรมการมรดกโลกต้องการให้ไทยร่วมบริหารจัดการ แต่ตอนนี้กัมพูชากำลังขยายผล ไม่ให้ไทยมายุ่งเกี่ยวเลย อันนี้เป็นพิมพ์เขียวล่วงหน้าแล้ว ว่าเขาได้แน่นอน เพราะกัมพูชาเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกแบบนี้ ส่วนไทยก็ไม่ยอมลาออกจากจากคณะกรรมการมรดกโลก แล้วตอนนี้เขมรก็เอาแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ไปยัดให้ศาลโลก เราไม่สู้ว่าเป็นแผนที่เก๊ แต่เราสู้ว่ามี MOU43 ถามว่ามรดกโลกปีนี้ที่รัสเซีย ไม่มีการประชุมวาระปราสาทพระวิหาร แต่จะประชุมปีหน้า ซึ่งสันนิษฐานว่ากัมพูชาเป็นเจ้าภาพ หมายความว่าเรายกชัยชนะให้เขาเลย แล้วนายฮุน เซนก็จะยิ่งใหญ่กว่าปกติ
“เชื่อว่าศาลต้องทำตามที่กัมพูชาต้องการ เพราะศาลได้ทำตามตั้งแต่มาตรการคุ้มครองชั่วคราวแล้ว แล้วศาลก็ไม่ให้ชุมชนวัดแก้วฯออกไป ศาลยังบอกให้ไทยอย่าขวางกั้นการเข้าถึง ดังนั้นจะเห็นว่าศาลโลก มรดกโลก ร่วมมือกันอย่างชัดเจน ศาลจะตัดสินสองอย่าง ไม่ตัดสินเป็นคุณกับเรา แต่ให้เป็นคุณกับกัมพูชาแน่นอน มากหรือน้อย แค่ไหน” นายเทพมนตรีกล่าว
นายคำนูณกล่าวว่า การที่ พล.อ.อ.สุกำพล ประกาศชัด ต้องทำตามศาลโลก ตนก็มองว่าทีกับศาลโลกปฏิบัติตามโดยไม่ตั้งคำถามเลย แต่กับศาลไทยกลับไม่ปฏิบัติตาม ถึงขั้นจะล้มเลิกศาล แก้มาตรา 68 เพื่อตัดอำนาจศาล ซึ่งถ้าใช้จิตวิญญาณความสงสัยในศาลไทย ไปสงสัยอำนาจของศาลโลก บางทีชาติเราอาจจะรักษาบูรณภาพแห่งเขตแดนและอำนาจอธิปไตยไว้ได้ทุกตารางนิ้ว แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลชุดนี้ เพราะตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วก็ดำเนินการไปในแนวทางนี้เช่นกัน
วันที่ 18 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะครอบรอบ 1 ปี ที่ศาลโลกมีมาตรการคุ้มครองชั่วคราว โดยจะมีการปรับกำลังทหาร โดยเช้านี้ (16 ก.ค.) มีการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ผลประชุมไม่ได้ระบุชัด แต่นักข่าวสายทหารบางท่านแพลมว่าทางฝ่ายทหารยืนยันว่าไม่ถอนทหาร ถ้าไม่อนุมัติจากสภาตามมาตรา 190 แต่ครั้งนี้เป็นเพียงการปรับกำลังยังไม่ถอนทหาร ซึ่งการถอนทหารนั้น จากคำสั่งศาลโลกมีข้อตกลงรายละเอียดพอสมควร แล้วการที่ถอนแต่ทหารแต่ไม่ถอนชุมชน ต้องทำอย่างไร สิ่งเหล่านี้มันต้องเป็นข้อตกลง และไม่ใช่แค่ระหว่างไทย-กัมพูชา อาจต้องมีประเทศที่สาม คืออินโดนีเซีย หรืออาเซียนเข้ามาด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นข้อตกลงมันน่าจะเข้ามาตรา 190 วรรค 2 ต้องขออนุมัติจากสภา ซึ่งในที่สุดเชื่อว่ารัฐบาลไม่น่าจะเสี่ยง เพราะเอาเข้าสภาเสียงข้างมากรัฐบาลก็ชนะอยู่แล้ว ถึงจุดนั้นทหารจะทำอะไรลงไป จะได้มีเกราะคุ้มกัน
