สะเก็ดไฟ
ดูเหมือนจะเล่นกันไม่เลิก ต่อยอดความวุ่นวายกันไม่จบบนกระดานการเมือง
แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาท่ามกลางความพึงพอใจของทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนทั่วไป โพลสำนักต่างๆ กระจายผลสำรวจออกมาล้วนระบุตรงกันว่าชาวบ้านร้านตลาดยินดีที่การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมาเฉพาะหน้า
ทว่า บนความพึงพอใจเหล่านั้น กลับมีคนหลายกลุ่มแสดงความไม่พอใจด้วยการออกมาเดินเกมเลี้ยงกระแสขัดแย้งต่อเนื่อง กลุ่มคนเสื้อหลากสีเองก็ตั้งแท่นจะคัดค้านต่อหากมีการแก้ไขเป็นรายมาตรา ตามที่แกนนำระดับยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยคิดอยู่
ขณะที่คนเสื้อแดงที่เดินหน้าลุยเพิ่มดีกรีความขัดแย้งต่อเนื่อง เพราะเดิมทีไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินออกมาในรูปแบบไหน ก็ตั้งธงจ้องจะหาแง่มุมค้าน จ้องถล่มอยู่เรื่อยไป เหมือนเป็นเกมที่วางไว้แล้ว เดินไปทางอื่นไม่ได้
คิดแล้วก็ว้าเหว่กับหัวสมองที่คิดแต่จะล้มล้าง เอาชนะคะคาน เหตุผลบนความเป็นกลาง เหตุผลแบบมนุษย์ทั่วไปแทบไม่เคยมีให้เห็น
กลุ่มคนเสื้อแดง ผสมโรงกับคณะนิติราษฎร์ เสนอแนวทางสุดโต่งต่อไปด้วยการลุยลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่ยังค้างคาอยู่ในสภา หนักหนากว่านั้นคือเสนอให้โละทิ้งศาลรัฐธรรมนูญ เสนอความเห็นแบบไม่ถามใครเลยว่าเหมาะสมหรือไม่ พร้อมอุปโลกน์คณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมา ชื่อว่า “คณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ” มาทำหน้าที่แทนศาลรัฐธรรมนูญ โดยมี 8 คน ที่มาประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร 3 คน วุฒิสภา 2 คน และคณะรัฐมนตรี 3 คน
ไม่รู้คิดได้อย่างไร แค่ดูที่มาที่ไปคนก็ร้องยี้ มันก็ไอ้พวกรัฐบาลทั้งนั้น ไม่รู้จะจับประเทศเป็นตัวประกันปู้ยี่ปู้ยำกันไปถึงไหน แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำยากแน่ รัฐบาลคงไม่บ้าจี้เอาด้วยหน้า ถ้าทำตามมีหวังปัญหาตามมาอีกบาน โดนร้องแรกแหกกระเชอไม่รู้จบ
ดูไปมันก็น่าแปลก เสียงประชาชนอยากให้ชะลอไปก่อน แต่คนเสื้อแดงกลับไม่รับฟัง สันดานก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร เมื่อความเห็นเข้าทางฝ่ายตัวเองก็อ้างเสียงประชาชน เป็นเสียงสวรรค์ สุดจะพรรณนา โม้แหลกแหกกระเจิง แต่ครั้นไม่ตรงใจก็เพิกเฉยทำไม่รู้ไม่เห็นอย่างหน้าด้านๆ
อย่างไรก็ดี วันนี้แนวทางที่ดูมีน้ำหนักกว่าในเชิงการเมือง คือ แกนนำพรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจแก้ไขเป็นรายมาตรา ความเห็นแตกต่างไปจากคนเสื้อแดงที่จ้องจะหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะแต่ไหนแต่ไรมาในสามัญสำนึกก็จ้องจะแก้ไขเพียงบางมาตราอยู่แล้ว
มาตราอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวพันกับการเมือง มาตราที่เป็นการช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้คิดจริงจังนักหรอก
เมื่อวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ช่องเปิดทางให้แก้ไขเป็นรายมาตราแบบนี้ก็เข้าล็อก เข้าทาง กำลังคิดอ่านแก้ลำเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไอ้เรื่องที่จะไปทำประชามติคงไม่ทำ เพราะเสียเวลา และก็ไม่รู้ว่ากระบวนการจะยุ่งยากสักปานใด ถ้าทำแบบนั้น “นายใหญ่” ที่หลบหนีคดีอยู่อาจไม่ปลื้ม เพราะชักช้าน่ารำคาญ
แต่การจะดึงดันลุยแก้วาระ 3 เลยทันทีแม้จะเร็วแต่ก็เสี่ยงเกินไป จะต้องเกิดการเผชิญหน้ากันทางกฎหมายอีกครั้งแน่ และรูปแบบนั้นย่อมทำให้รัฐบาลต้องตกที่นั่งลำบาก บริหารประเทศไม่ราบรื่น เพราะต้องติดหล่มอยู่กับเรื่องนี้อีกยาวนาน บทเรียนก็มีให้เห็นกันหลัดๆ แนวทางนี้ นายกฯหญิงก็กลัวภัยมาถึงตัว
ฉะนั้นจึงต้องออกแนวแก้เป็นรายมาตรา หลบเลี่ยงแง่กฎหมาย ที่สุ่มเสี่ยงเป็นจุดสลบของรัฐนาวาเพื่อไทยเรื่อยมา และการเดินหมากเกมหลังจากนี้ คงต้องรัดกุมมากขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว เพราะไม่แต่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นที่จ้องอยู่
ฝ่ายตุลาการเองก็ชำเลืองมองอย่างไม่วางตาเช่นเดียวกัน!!