xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยหัวหมอ อ้างศาลไม่ชี้ประชามติช่วงไหน เตรียมถกวาระ 3 ในสภาพรุ่งนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร(แฟ้มภาพ)
รองประธานสภาฯ ชี้ประธานสภาฯ ไม่ควรออกความเห็น เชื่อวาระ 3 เดินหน้าต่อได้ อ้างคำวินิจฉัยตุลาการ ไม่ระบุประชามติช่วงไหน พร้อมหารือวาระ 3 ในสภา หลังถูกพธม.ร้องยกเลิก วาระ 1 กับ 2 ส่วนเรื่องยุบศาลรัฐฯ มองเป็นเรื่องตัวบุคคล

วันนี้ (16 ก.ค.) นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวก่อนเดินทางเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่พรรคเพื่อไทยว่า ในส่วนความเห็นของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่ระบุว่าควรปฏิบัติตามคำแนะนำของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้ทำประชามติก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยให้ ส.ส.และส.ว. เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ในความเห็นส่วนตัวดังกล่าวไม่สามารถนำมาปฏิบัติในชั้นนี้ ได้ ส่วนตัวมองว่าในฐานะประธานรัฐสภา ไม่ควรที่จะแสดงความเห็นออกมา

นายเจริญยังกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในหลักการของรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 (5) ระบุไว้ว่าเมื่อพิจารณาวาระสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้ 15 วัน ก่อนที่จะมีการลงมติวาระสามต่อไป ดังนั้นเมื่อพิจารณาประเด็นนี้ รัฐสภาสามารถลงมติในวาระสามได้ นอกจากนั้นแล้วในคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้นำความเห็นส่วนบุคคลมาทำเป็นคำวินิจฉัย และได้ให้ข้อแนะนำว่าควรทำประชามตินั้น ถือเป็นการแสดงความเห็นที่ไม่มีสภาพบังคับ ทั้งนี้ ความเห็นของรัฐสภา อาจจะแตกต่างกับของพรรคเพื่อไทยก็ได้ อย่างไรก็ตามต้องรอการหารือกับทางกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยอีกครั้งหนึ่ง

“การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 สามารถทำได้ทันทีตามรัฐธรรมนูญกำหนด แต่เชื่อว่าจะต้องมีคนนำเรื่องไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญอีก ดังนั้นจึงต้องคุยกันให้จบ ไม่ใช่ปล่อยให้คาราคาซัง ส่วนที่ต้องทำประชามติ ปัญหาคือจะต้องทำช่วงไหน จะทำประชามติก่อนลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 หรือต้องทำช่วงไหน ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนเอาไว้ หากจะทำประชามติทั้งก่อนและหลังโหวตรัฐธรรมนูญวาระ 3 ถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท ผมเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำถึง 2 ครั้ง” นายเจริญกล่าว

นายเจริญกล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.) เวลา 13.00 น. ช่วงของการประชุมกับสมาชิกรัฐสภา 416 คนที่ถูก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยกเลิกการร่วมโหวตรัฐธรรมนูญวาระ 1 และ 2 ซึ่งถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 ตนจะนำประเด็นการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 หารือต่อที่ประชุมด้วย

นายเจริญกล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการเสนอให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนเห็นว่าองค์กรมีหน้าที่ แต่ปัญญาอยู่ที่ตัวบุคคล ถ้าตัวบุคคลตรงไปตรงมาเหมือนศาลยุติธรรม

ด้านนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ในฐานะทีมกฎหมายของพรรค กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่า ขณะนี้คำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตัวยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ทั้งที่ข้อเท็จจริงตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 216 ระบุชัดเจนว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องทำความเห็นส่วนตัวพร้อมแถลงด้วยวาจาก่อนลงมติพร้อมให้ประกาศคำวินิจฉัยส่วนตัวในราชกิจจานุเบกษาภายใน 15 วัน ซึ่งคำวินิจฉัยที่ศาลอ่านให้ฟังนั้นยังไม่รู้ว่าจะเหมือนหรือแตกต่างจากคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตัวที่จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือไม่

นายพีรพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่โฆษกศาลรัฐธรรมนูญออกมาอธิบายคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องมาอธิบาย ดังนั้นคำวินิจฉัยของศาลในวันนี้จึงยังไม่ชัดเจน จึงทำอะไรไม่ได้ ส่วนตัวคิดว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาอย่างนี้ เป็นเรื่องน่าแปลกใจ เพราะไม่มีความชัดเจนเลย เมื่อมีคำแนะนำออกมา ถ้าเราไม่ทำตาม ก็คงมีคนไปร้องศาลอีก และศาลก็สามารถรับฟ้องได้ตามมาตรา 68 เพราะได้สร้างบรรทัดฐานไว้แล้ว ส่วนแนวทางหลังจากนี้ก็มีหลากหลาย จะเดินหน้าโหวตวาระ3ไปเลยหรือจะให้ทำประชามติก่อน แต่ส่วนตัวเห็นว่า ควรเดินหน้าโหวตวาระ 3 ได้เลย เพราะสุดท้ายร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องผ่านประชามติจากประชาชนอยู่ดี และดีกว่าทำก่อนด้วย เพราะประชาชนสามารถเปรียบเทียบได้
กำลังโหลดความคิดเห็น