xs
xsm
sm
md
lg

“สุกำพล” ถกปรับกำลังพระวิหาร นัด 18 ก.ค.ดีเดย์ปล่อย ตชด.เข้าพื้นที่แทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ)
รมว.กห.ถกร่วม รมว.กต.และบิ๊กท็อปบูต ปรับกำลังพระวิหาร เผยไม่มีข้อบังคับ ไม่เกี่ยวอธิปไตย พร้อมเคลียร์บึ้มต่อ หวังโชว์ภาพสองชาติร่วมมือ ยังไม่พูดให้อิเหนาเข้าแดน ปัดเดินตามเกมเขมร จวก ปชป.สงสัยไปทุกเรื่อง ย้ำไปชายแดนปล่อยแถว ตชด.18 ก.ค. ไม่บอกใช้กี่คน โยนหน่วยพื้นที่รายงานกัมพูชาใช้ทหารปลอมตัวเข้า ยันไทยทำตามคำสั่งศาลโลก อ้างคนในประเทศทำให้ช้า ชี้หากต้องเข้าสภาก็ไม่มีปัญหา


วันนี้ (16 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมร่วมกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เสนาธิการทหาร พล.ท.จีระศักดิ์ ชมประสพ แม่ทัพภาคที่ 2 ถึงการปรับกำลังชายแดนไทย-เขมร บริเวณเขาพระวิหารว่า ในเบื้องต้นได้มีการเตรียมการปรับกำลังเจ้าหน้าที่ทหารฝั่งไทย โดยจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวณชายแดน (ตชด.) เนื่องจากในวันที่ 18 ก.ค.นี้จะครบรอบ 1ปี ที่ศาลโลกได้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ที่ผ่านมาทั้งทางไทยและกัมพูชายังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ตามคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกที่ให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการโดยเร็ว ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศได้มาหารือร่วมกันในระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างในเรื่องการปรับกำลัง โดยสองประเทศได้ยินยอมพร้อมใจกัน ตนจึงได้ไปหารือกับทางกัมพูชาที่เมืองเสียมราฐ ส่วนที่มีข่าวว่าตนได้เดินทางไปยังกรุงพนมเปญนั้นขอปฏิเสธว่าไม่ได้เดินทางไปแต่อย่างใด ซึ่งการหารือทั้งสองฝ่ายได้หยิบยกปัญหาขึ้นมาหารือร่วมกัน แต่เรื่องอย่างนี้ก่อนที่จะมีการหารือกันต้องมีการสอบถามความเห็นกันมาก่อนว่าเป็นอย่างไร เพื่อเตรียมการไว้ เมื่อถึงเวลาก็สามารถดำเนินการได้เลย

พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวต่อว่า สำหรับการปรับกำลังของแต่ละฝ่ายนั้น ทางกัมพูชาจะปรับกำลังอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนไทยจะปรับกำลังอย่างไรก็เป็นเรื่องของเรา ไม่ได้มีกฎข้อบังคับ และก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของอธิปไตยแต่อย่างใด ส่วนเรื่องคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา (เจดับเบิลยูจี) ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณเขาพระวิหารนั้นก็ดำเนินการร่วมกันจัดการเคลียร์พื้นที่ให้ได้ เพราะพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีทุ่นระเบิดจำนวนมาก โดยทั้งสองประเทศจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาหารือวางแผนร่วมกันที่ กทม.ว่าจะดำเนินการเก็บกู้อย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นภาพใหญ่ของเจดับบิวจีเพื่อให้ศาลโลกได้เห็นว่าทั้งไทยและกัมพูชาได้มีความร่วมมือกัน และจะต้องรายงานให้ศาลโลกได้รับทราบว่าทั้งสองประเทศมีการปรับกำลังอย่างไร

เมื่อถามว่า ในวันที่ดำเนินการปรับกำลังจะมีผู้สังเกตการณ์จากประเทศอินโดนีเซียเข้ามาร่วมคณะด้วยหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนี้ยังไม่ได้พูดถึง เป็นเรื่องของเจดับบิวจีที่คุยกัน เมื่อถามต่อว่า ในส่วน พล.อ.อ.สุกำพล และ พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมของกัมพูชาได้มีการนัดหมายลงพื้นที่ร่วมกันในวันที่ 18 ก.ค.นี้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้นัดหมายกัน แต่ในส่วนของตนยืนยันว่าจะลงพื้นที่ของฝั่งไทย ส่วนจะพบกับ พล.อ.เตีย บัญ หรือไม่นั้นได้มอบหมายให้ฝ่ายเสนาธิการทหารของไทยประสานไปยังทางทหารกัมพูชา

เมื่อถามว่า ประเทศไทยเดินตามเกมกัมพูชาหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า อย่าถือว่าเป็นอย่างนั้น ให้ถือว่าเราเดินไปพร้อมกัน ในส่วนของเรื่องการปรับกำลังที่ไม่เท่ากันนั้น เนื่องจากกำลังทหารไทยและกัมพูชาในพื้นที่ที่ศาลโลกกำหนดมีจำนวนไม่เท่ากันอยู่แล้วขึ้นอยู่ว่าฝ่ายใดจะเห็นเหมาะสมอย่างไร เมื่อถามอีกว่ามีกระแสข่าวว่าทางกัมพูชาได้ใช้กำลังทหาร แต่แต่งกายชุดของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนเข้ามาดูแลในพื้นที่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า “ผมไม่ทราบ ก็ขอให้ลงข่าวดีๆ หน่อยละกัน อย่าไปลงข่าวให้มีแต่ปัญหากัน”

เมื่อถามว่า นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงข้อคิดเห็นและข้อสงสัยในเรื่องการปรับกำลังของทางไทยและกัมพูชาว่ามีอะไรซ่อนเร้นหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็สงสัยไปทุกเรื่อง ขอให้มาถามตนละกัน หากสงสัยตรงไหนก็ว่ากันมา ทำแบบแฟร์ๆ อย่างนี้ ไม่ได้ปิดตรงไหน ตนขอถามว่าจะปิดตรงไหน เมื่อถามต่อว่า ในอนาคตอันใกล้จะมีการเปิดเขาพระวิหารหรือไม่ ซึ่งทางกัมพูชาได้มีการพูดคุยเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องนั้น แต่ถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นตามลำดับแล้วเชื่อว่าจะทำให้มีโอกาสเปิดเขาพระวิหารได้มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี

จากนั้นเมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.อ.สุกำพลได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อไปเป็นประธานในการปรับกำลังทหาร พร้อมกับให้โอวาทกับกำลังพลและเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ในฝั่งไทย ซึ่งไม่ได้ไปร่วมหรือไปจับมือกับฝั่งกัมพูชา อีกทั้งขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกับพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพราะการปรับกำลังในส่วนของกัมพูชาก็เป็นเรื่องของเขา รวมทั้งการข้ามชายแดนก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ทั้งนี้ ทราบว่าทางกัมพูชาจะอยู่บริเวณตีนเขาพระวิหาร ในส่วนของไทยก็จะอยู่บริเวณด้านในของเรา ซึ่งตนจะไปปล่อยแถว ตชด.ที่จะเข้าไปทำหน้าที่แทนทหาร หลังจากนั้นผ่านไปสักอีกระยะหนึ่งตนก็จะเข้าไปดูว่าการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง

พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า นอกจากนั้นที่ประชุมวันนี้ยังได้มีการหารือในเรื่องรายละเอียดของการปรับกำลัง แม้ฝั่งกัมพูชาจะบอกว่าจะปรับในลักษณะใดและจำนวนเท่าใด แต่ในส่วนของไทยจะปรับในลักษณะที่เท่ากัน เพื่อให้บรรยากาศบริเวณดังกล่าวดีขึ้น โดยจะไม่บอกรายละเอียดกับผู้สื่อข่าวในเรื่องการปรับกำลังนั้นว่าเป็นอย่างไร และไม่บอกว่าวันนี้จะปรับกี่คน มะรืนนี้ปรับเท่าใด เราคงบอกไม่ได้ แต่ศาลโลกต้องรู้ เพราะเราต้องส่งรายงานให้เขา เรื่องนี้เป็นเทคนิคของแต่ละฝ่าย ในส่วนของกัมพูชามีการประกาศตัวเลขว่าจะถอนทหารจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งเป็นการผูกมัดว่าต้องทำ หากประกาศแล้วไม่ทำ คนก็จะเห็นเอง ในส่วนของเราไม่ต้องไปประกาศมาก ทั้งนี้การปรับเพื่อลดความกดดันลง โดยทั้งสองประเทศดำเนินการพร้อมกัน ส่วนข้อกังวลที่เกรงว่ากัมพูชาจะนำทหารมาสวมเครื่องแบบตชด.นั้นก็คงจะต้องให้หน่วยในพื้นที่ดูแลว่าเป็นอย่างไร และรายงานเข้ามา ทั้งนี้ ข้อกังวลนั้นก็เป็นเรื่องที่อยู่ในใจ อย่าไปกังวลแทนเขา ขณะนี้เราจะไม่โจมตีเขาก่อน เมื่อข้อตกลงเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ถ้ากัมพูชาดำเนินการตามที่พูดก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ยืนยันว่าไทยต้องการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าไทยเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า แต่ต้องยอมทำตามประเทศที่เล็กกว่า พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า อย่าพูดว่าประเทศเราใหญ่กว่า เพราะทั้งสองประเทศเท่ากัน เหมือนเราคบกับจีนและสหรัฐอเมริกาก็ต้องคิดว่าเราเท่าเทียมกัน ส่วนที่มองว่ากัมพูชานำหน้าเราในการแก้ไขปัญหาหนึ่งก้าวนั้น ตนขอบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องที่เราดำเนินการพร้อมกัน เราไม่ได้ตามเขา ในส่วนของคณะทำงานร่วมไทย-เขมร (จีดับเบิลยูจี) ก็จะหารือกันในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เพื่อลงรายละเอียดมากขึ้นในการดำเนินการตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพราะการปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกยังไม่จบ มันต้องก้าวต่อไปทั้งคู่

“วันนี้ที่เขากล่าวหาเราว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ทั้งสองฝ่ายยังมีทหารอยู่เหมือนเดิม และศาลโลกก็รับทราบว่าทั้งสองประเทศยังมีทหารอยู่ แต่เราก็พยายามทำตามมติคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก ไม่ใช่เขาถอนคนเดียวแล้วเราไม่ถอน ซึ่งไทยอาจจะต้องมาแก้ไขปัญหาภายในประเทศมากกว่าแก้ปัญหาภายนอก กัมพูชาก็อาจจะไปฟ้องศาลโลกมากหน่อย ส่วนไทยก็ไม่ได้ไปฟ้อง เพราะมัวแต่แก้ปัญหาภายใน คนไทยด้วยกันเองทำให้มันช้า หน้าที่ของผมคือทำตามมติศาลโลกให้ดีที่สุดพร้อมกับทางกัมพูชา และจะไม่ทำให้รูปคดีเสียเปรียบ สุดท้ายการตัดสินก็เป็นเรื่องของคดี เราคงทำอะไรไม่ได้ คนในประเทศต้องให้กำลังใจกัน ทางฝ่ายความมั่นคงจะไม่ยอมให้ไทยเสียอธิปไตย ยิ่งตอนนี้มีคนชอบพูดพล่อยๆ พูดไปเรื่อยให้เป็นประเด็น อย่างเช่นเรื่องวีซ่าก็พูดกันไป พอจบแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาขอโทษ ก็มันส์ปากกันไป” รมว.กลาโหมกล่าว

เมื่อถามอีกว่า หากในอนาคตต้องมีการถอนทหารจะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดว่าเข้ามาตรา 190 หรือไม่ หากมองตรงๆแล้วบ้านเราเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซนซิทิฟ เพราะเรื่องบางเรื่องไม่ควรนำเข้ายังต้องเข้าเลย เล่นกันมากเกินไป ทำอะไรเลยไม่ค่อยคล่อง แต่ถ้าคุยกันแล้วว่าต้องนำเข้าก็ต้องนำเข้าไม่มีปัญหาอะไร เราต้องเตรียมการไว้เท่านั้น เพราะจะมีการเปิดสภาฯในเดือนส.ค.นี้

เมื่อถามว่า มีความพยายามนำเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นทางการเมือง พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ก็ขอให้ว่ากลับเขาบ้างว่าที่พูดว่ามีผลประโยชน์นั้นคืออะไร อย่าพูดลอยๆ ออกมา พูดอย่างนี้นิสัยเสีย ไม่ดีต่อประเทศชาติ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติและความมั่นคง ตนถามว่าจะไปแลกกับอะไร เพียงแต่เราดำเนินการให้เท่าเทียมกันสองฝ่าย เพราะเราเป็นอารยประเทศ การไปคิดเช่นนั้นไม่ใช่อารยประเทศคิด

เมื่อถามว่า ในอนาคตเป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ไทยและกัมพูชาจะขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกัน พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ทางฝ่ายความมั่นคงคงทำในจุดนี้เท่านั้น เพราะเรื่องนั้นตนไม่ขอก้าวล่วง เนื่องจากเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ แต่ในฐานะที่เราเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันเหมือนเป็นฝาแฝดอิน-จัน ที่เส้นเลือดต้องต่อกัน เพราะฉะนั้นต่อไปข้างหน้าก็ต้องร่วมมือกัน ถ้ามองให้ดีในเวลานี้ชาติที่มีปัญหากับยุโรปนั้นกระเทือนถึงเราหมด ยิ่งประเทศติดกันยิ่งไปกันใหญ่ เนื่องจากเราจะเปิดประเทศอาเซียนในปี 56 นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น