ตำรวจกองปราบฯ ตามรวบหนุ่มสุดแสบหลอกรับจำนำรถเหยื่อ ก่อนเชิดพาไปขายทางเว็บไซต์ ตรวจสอบพบประวัติมีคดีติดตัวเพียบ
วันนี้ (16 พ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.อภิชัย ธิอามาตย์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีระพัฒ ธารีไทย สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.อภิศาล แก้วดู รอง สว.กก.1 บก.ป. แถลงข่าวจับกุม นายพงศธร หรืออนุรักษ์ ปิ่นกุลบุตร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124/2 แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 122/2553 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2553 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.
ทั้งนี้ มีผู้เสียหายร้องทุกข์ต่อ กก.1 บก.ป.ให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ หลังจากนำรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า 3 สีเทา ทะเบียน ชข 290 กทม. ไปจำนำกับผู้ต้องหาซึ่งโพสต์ข้อความโฆษณารับฝากจำนำรถยนต์และจำหน่ายรถยนต์ที่รับจำนำมาโดยใช้นามแฝงว่า นายธนัส สุกใส ในราคา 50,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่เมื่อครบกำหนดผู้ต้องหากลับบ่ายเบี่ยงที่จะนำรถมาคืน และนำไปขายให้กับผู้อื่น เหตุเกิดเมื่อเดือนธันวาคม 2553 จึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.ท่าข้าม ก่อนมีการรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาล
หลังรับเรื่องชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.นำโดย พ.ต.ท.ธีระพัฒ จึงซ้อนแผนติดต่อขอซื้อรถจากผู้ต้องหา เมื่อนัดพบกันจึงแสดงตัวจับกุม จากนั้นนำตัวไปตรวจค้นห้องพักในอพาร์ตเมนต์ไม่มีชื่อ ซ.สวนผัก 7 พบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดและกระดาษพิมพ์ภาพบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจและทหารปลอม 2 แผ่น โดยตัดต่อนำภาพของผู้ต้องหาไปใส่แทนภาพข้าราชการในบัตร
จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกดำเนินคดีมาแล้ว 4 คดี ได้แก่ ข้อหายักยักทรัพย์ สน.บางนา เมื่อปี 2548 ข้อหาครอบครองยาเสพติด สน.บางกอกน้อย เมื่อปี 2549 ข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการ สน.ศาลาแดง เมื่อปี 2553 และข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการ สภ.เมืองราชบุรี เมื่อปี 2553
สอบสวนนายพงศธรให้การรับสารภาพว่า เพิ่งพ้นโทษคดีปลอมเอกสารราชการมาเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังพ้นโทษก็มาทำอาชีพขายอุปกรณ์ก่อสร้าง และประกาศรับจำนำรถและขายรถจำนำทางอินเทอร์เน็ตโดยเข้าไปโพสต์ประกาศโฆษณาตามเว็บไซต์เกี่ยวกับรถยนต์ เมื่อมีผู้นำรถมาจำนำก็จะขอเอกสารสำเนารถเพื่อไปยื่นจำนำกับเต็นท์รถมือสองในราคาสูงกว่าเพื่อจะได้เงินส่วนต่าง เช่น ผู้เสียหายนำรถมาจำนำ 50,000 บาทก็จะนำเอกสารไปติดต่อจำนำกับเต็นท์รถมือสอง 70,000 บาท ได้เงินส่วนต่าง 20,000 บาท เมื่อใกล้จะครบกำหนด ผู้เสียหายจะนำเงินมาไถ่รถคืน ตนก็จะไปโพสต์ประกาศขายรถทางเว็บไซต์ในราคา 1 แสนบาท เมื่อมีผู้ติดต่อและจ่ายเงินให้ก็จะไปไถ่รถจากเต้นท์แล้วนำไปส่งให้ผู้ที่ติดต่อซื้อ ทำให้ได้ส่วนต่างมาอีก 30,000 บาท
“สาเหตุที่กล้านำไปขายต่อเพราะรู้ว่าผู้เสียหายไม่กล้าไปแจ้งความ เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์อยู่ หากแจ้งความผู้เสียหายเองอาจถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ได้ ทั้งนี้ เคยนำรถยนต์กระบะที่ติดไฟแนนซ์อยู่ไปจำนำนอกระบบลักษณะนี้แล้วถูกนำไปขายต่อให้คนอื่นเช่นกัน ทำให้ช่วงนั้นต้องหาเงินมาผ่อนชำระใช้หนี้ให้กับไฟแนนซ์ ส่วนกระดาษพิมพ์บัตรข้าราชการนั้นเป็นการทดลองใช้โปรแกรมตัดต่อทำขึ้นมาเล่นๆ เท่านั้น” นายพงศธรกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ปิยะกล่าวว่า ปัจจุบันนี้มีคดีลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก โดยคนร้ายอาศัยช่องว่างกฎหมายกรณีผู้เสียหายไม่กล้าไปแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่รับจำนำรถเนื่องจากรถยังติดไฟแนนซ์อยู่ จึงอยากฝากไปยังประชาชนว่าหากจำเป็นต้องนำรถไปจำนำก็ขอให้นำไปจำนำกับบริษัทสินเชื่อหรือสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือซึ่งอยู่ในระบบที่ถูกต้องจะได้ไม่เกิดความเสียหายตามมา