“เฉลิม” ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญให้ความเป็นธรรม แต่ยังงงสรุปให้ลงวาระ 3 ได้หรือไม่ รออ่านคำพิพากษาพิจารณาแนวทางต่อ โยนนายกฯ ครม.ตัดสินใจต่อ ยันไม่ผิดความคาดหมาย เชื่อทุกคนคงดีใจ อ้างไม่ได้โทร.รายงาน “ปู” เพราะไม่มีเบอร์ ไม่พูดรัฐเอาไงต่อ บอกกลัวโดนหมั่นไส้ แย้มแก้ต่อแต่คงต้องประยุกต์รูปแบบ จี้หยุดพูดไม่จงรักภักดี เย้ยประชาธิปัตย์เดี๋ยวแผ่ว
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติยกคำร้องกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่ ว่า ขอขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ได้ให้ความเป็นธรรม ซึ่งตนให้สัมภาษณ์หลายครั้งแล้วว่าแนวทางคงเป็นอย่างนี้ แต่จากการฟังตุลาการอ่านคำวินิจฉัยก็ยังเข้าใจไม่ท่องแท้ ว่า สรุปแล้วจะให้ลงมติวาระ 3 ได้หรือไม่ เพราะฟังดูเหมือนกับว่าท่านแนะนำว่าควรจะแก้ไขเป็นรายมาตราและใช้อำนาจของรัฐสภา โดยประเด็นนี้จะต้องไปอ่านคำพิพากษาที่เป็นลายลักษณ์อักษรก็จะพิจารณาแนวทางต่อไปได้ ส่วนการยกคำร้องประเด็นล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น ตรงนี้ก็ถือว่าปลอดภัยทุกอย่าง การดำเนินการต่อจากนี้จะอยู่ที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถ้าบ้านเมืองเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกาประเทศชาติก็จะเดินไปข้างหน้าได้
“ผมนั่งฟังคำวินิจฉัยก็ถือว่าไม่ผิดความคาดหมาย เรื่องนี้สื่อเป็นพยานได้ว่าผมไม่เคยตื่นเต้นเลย เพราะถึงที่สุดแล้วหลักกฎหมายต้องมี ผมไม่เคยตั้งวอร์มรูมไม่ได้ติดตามอะไร” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากคำร้องดูเหมือนศาลรัฐธรรมนูญอยากให้มีการทำประชามติแล้วจึงค่อยแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า ตรงนี้จะต้องอ่านคำวินิจฉัยอีกครั้ง แต่ถือว่า ท่านให้ความเป็นธรรมแล้ว ยืนยันว่า การดำเนินการใดๆ ต่อจากนี้จะอยู่ที่การตัดสินใจของนายกฯ ส่วนทางสภาจะรีบเรียกสมาชิกไปหารือนี้หรือไม่นั้น ก็เป็นหน้าที่ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นอกจากนี้ ทุกภาคส่วนนั่งฟังก็ดีใจว่ายกคำร้อง แล้วเราก็ไม่ได้มีเจตนาล้มล้างก็พอ ส่วนเรื่องอื่นปรับได้ไม่มีใครขัดข้อง
เมื่อถามว่า หลังจากฟังคำวินิจฉัยได้โทรศัพท์รายงานต่อนายกฯหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ปฏิเสธว่า ไม่ เพราะไม่มีเบอร์นายกฯ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แต่นายกฯให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเครื่องบินไปประเทศกัมพูชา ว่า หากมีอะไรคืบหน้าจะสอบถาม ร.ต.อ.เฉลิม ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ถามกลับว่า “นายกฯ พูดหรือ” จากนั้นก็หัวเราะ พร้อมกลับกล่าวแบบเขินๆว่า “ของอย่างนี้ผมพูดไม่ได้ เพราะผมเป็นผู้น้อย”
เมื่อถามอีกว่า หลังจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไป รองนายกฯ ตอบว่า ไม่กล้าบอก เดี๋ยวล้ำหน้า แค่นี้ตนก็ถูกหมั่นไส้จากพรรคพวกเยอะแล้ว เขาคิดกันอย่าง ตนคิดอีกอย่าง และบังเอิญความคิดของตนตรง เมื่อถามย้ำว่า เท่าที่ดูแล้วควรจะต้องเร่งดำเนินการเลยหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า เมื่อเป็นนโยบายพรรคเพื่อไทยตอนหาเสียงที่แถลงต่อรัฐสภา ก็มีทางเป็นไปอย่างอื่นได้ยาก อย่างไรก็ต้องแก้ไข เรื่องเวลาตนคิดว่ามันไปเลือกเวลาไม่ได้แล้ว เพราะได้มีการขอแก้รัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่รูปแบบอาจจะต้องประยุกต์เพื่อไม่ให้มีคนไปร้องอีก ซึ่งหากนายกฯหรือพรรคให้ตนวิเคราะห์ก็จะอธิบายให้ฟัง
เมื่อถามว่า ฝ่ายที่ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญจะต้องรับผิดชอบอย่างไร หลังจากศาลยกคำร้องว่าไม่เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยทรงมีพระมหากษัติย์ทรงเป็นประมุข รองนายกฯ ตอบว่า ไม่เป็นไร เขาได้กล่าวหาแล้ว อย่าไปอาฆาตมาดร้าย มาทำงานให้ชาติบ้านเมืองดีกว่า และตนคิดว่า การกล่าวหาเรื่องความจงรักภักดีน่าจะหยุดเสียที เพราะเรามาจากการเลือกตั้ง ในพรรคเพื่อไทย นายพลตำรวจ นายพลทหาร ราชองครักษ์อยู่กันเต็มหมด แล้วจะไม่จงรักภักดีได้อย่างไร พวกตนถวายความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดไม่ได้ แต่ของอย่างนี้เขาไม่ให้พูดกัน
รองนายกฯ ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังนี้ ว่า ไม่มีอะไร ต้องรอสภาเปิด ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องแสดงบทบาท แต่ตนมองว่าแผ่ว ยิ่งนายกฯขยันทำงาน แก้ปัญหาเศรษฐกิจ น้ำท่วมได้ คะแนนก็จะสูงขึ้น