หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ คดีแก้ รธน.เป็นไปไม่ได้เสียงตุลาการออก 4-4 เพราะต้องอภิปรายก่อน ยันไม่นำกระแสสังคม-บ้านเมืองพิจารณา ส่วนคำร้องพันธมิตรฯ ให้ศาลเลื่อนวินิจฉัยขึ้นอยู่กับองค์คณะจะหยิบมาพิจารณาหรือไม่ วอนให้ประชาชนฟังคำวินิจฉัยอยู่ที่บ้าน ด้าน รองผบช.น.ปัดเตรียมลานจอดเฮลิคอปเตอร์ แต่หากเกิดฉุกเฉินจะใช้พื้นที่กองทัพไทย
วันนี้ (12 ก.ค.) นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า สำหรับการอ่านคำวินิจฉัยคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ คณะตุลาการทั้ง 9 คน จะมีการประชุมในวันเวลา 09.30 น.โดยจะมีการพิจารณาวาระประชุมเรื่องอื่นๆ ก่อนรวม 3 คดี จากนั้น องค์คณะตุลาการ 8 คน จึงจะมีการอภิปรายแถลงด้วยวาจาและลงมติในคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนจัดทำคำวินิจฉัยกลาง และออกนั่งอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 14.00 น.
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นคำร้องขอให้ศาลเลื่อนการวินิจฉัยคดีนี้ออกไปก่อนทางสำนักงานก็ได้นำเอกสารแจ้งต่อตุลาการทุกคนแล้วขึ้นอยู่องค์คณะจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ ทั้งนี้ การอ่านคำวินิจฉัยของคณะตุลาการ คาดว่า จะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยเป็นการสรุปผลการพิจารณาเท่านั้น จากนั้นทีมโฆษกศาลรัฐธรรมนูญก็จะมีการแถลงข่าวทำความเข้าใจในประเด็นทางกฎหมายอีกครั้ง
“การลงมติของคณะตุลาการเป็นไม่ได้ที่เสียงจะออกมาเท่ากัน 4 ต่อ 4 เพราะตามหลักปฏิบัติแล้วจะมีการอภิปราย เพื่อให้ได้ข้อยุติเป็นเสียงข้างมาก เพราะประธานในที่ประชุมไม่มีอำนาจในการลงเสียงชี้ขาด โดยการลงมติของตุลาการจะไม่มีการนำกระแสสังคม หรือสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันมาพิจารณา แต่จะยึดตามหลักกฎหมายและประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก ซึ่งหลังการอ่านคำวินิจฉัย ก็เชื่อว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์อะไร” นายพิมล กล่าว
สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยตุลาการนั้น นายพิมล กล่าวว่า ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากมีความจำเป็นก็จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ แต่ขณะนี้การรักษาความปลอดภัยยังเป็นไปตามปกติ ไม่ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ดูและตุลาการทั้งที่ทำงานและบ้านพัก รวมถึงรถยนต์ที่ตุลาการใช้ในการเดินทางก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนเป็นรถกันกระสุนแต่อย่างใด และก็ยังไม่ได้เตรียมแผนการรองรับในการเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนสถานที่ในการอ่านคำวินิจฉัย เพราะเชื่อว่าบรรยากาศในวันพรุ่งนี้จะไม่รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์
ด้าน นายสมฤทธิ์ ไชยวงค์ โฆษกศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้ขอให้ประชาชนรอฟังคำวินิจฉัยอยู่ทางบ้านเนื่องจากทางศาลอนุญาตให้มีการถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียง ซึ่งสะดวกกว่าการเดินทางมาฟังที่สำนักงาน เพราะยังเกรงว่า อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์และก่อให้เหตุการณ์รุนแรงได้
ส่วน พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น.กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปตรวจลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เพื่อเตรียมไว้กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหากกรณีมีการปิดล้อม ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้ ได้ขึ้นไปตรวจสอบบริเวณดาดฟ้าของตึก ซึ่งเป็นสถานที่ที่จะนำเฮลิคอปเตอร์ลงแล้ว พบว่า ไม่ได้เป็นพื้นที่โล่งทั้งหมด มีส่วนที่เป็นกระเบื้องมุงหลังคา หากมีเฮลิคอปเตอร์มาลงแรง ลมจากใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ อาจทำให้หลังคาเกิดพังได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์รุ่นใด ก็ไม่สามารถจะลงได้ แต่หากเกิดเหตุฉุนเฉินก็อาจใช้สถานที่ของกองบัญชาการกองทัพไทย ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้