“ประยุทธ์” แจงที่ประชุม กมธ.วิฯ งบปี 56 โอ่ไม่เคยทำไทยเสียดินแดน ชี้ถ้าพบโกงจัดซื้อก็ขอให้แจ้งมา ถามจะให้ลดกำลังพลมีเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้วหรือ ยันยุทโธปกรณ์ของตั้งแต่ยุคสงครามเย็นจะซ่อมก็ไม่มีเงิน ระบุให้เบี้ยเพิ่มสร้างขวัญกำลังใจ ลั่นไม่เคยพูดการเมืองเลิกถามเรื่องปฏิวัติ แนะอย่าดึงสถาบันมาโจมตีกัน ย้ำปรองดองต้องรู้ก่อนจะทำกับใคร คอนเฟิร์มกองทัพพร้อมทำตามรัฐสั่ง
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ได้พิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมจำนวน 180,811,318,800 บาท หลังจากที่ประธานสั่งให้พักการประชุม 15 นาที และได้หารือกับคณะกรรมาธิการทั้งสองฝ่าย ก่อนก็เชิญ ผบ.เหล่าทัพออกจากห้องประชุมไปในห้องพักรับรอง โดย ผบ.เหล่าทัพ มีสีหน้ายิ้มแบบเจือน ๆ โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ยังประชุมต่อได้ในเรื่องงบประมาณ หลังจากสื่อซักถามว่าเมื่อมีเหตุการณ์วุ่นวายแบบนี้ ผบ.เหล่าทัพยังจะประชุมต่อหรือไม่ ช่วงจังหวะที่พักการประชุม นายวัชระ ได้แจกหนังสือกับสื่อ พร้อมกับระบุว่า ได้นำหนังสือดังกล่าวให้กับ ผบ.เหล่าทัพ แล้ว และยืนยันมีชายชุดดำเป็นผู้ก่อเหตุในช่วงเหตุการณ์บ้านเมืองรุนแรงที่ผ่านมา
แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที เมื่อตกลงกันได้ก็เชิญ ผบ.เหล่าทัพ เข้าประชุมใหม่อีกครั้ง โดยนายก่อแก้วได้กล่าวต่อว่า ทราบว่ากองทัพมีความเป็นห่วงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เช่นเดียวกับพวกเราก็มีความเป็นห่วงเช่นกัน แต่ความขัดแย้งทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามพยายามนำสถาบันมาเป็นเครื่องกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่จงรักภักดี
“ผมขอยืนยันว่าไม่มีขบวนการล้มเจ้า มีแต่ความเป็นห่วงเป็นใย เพียงแต่มีการแอบอ้างเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ไปทำร้ายฝ่ายตรงข้าม ซึ่ง ผบ.เหล่าทัพ ทุกคนก็เรียนโรงเรียนเตรียมทหารเช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ถูกปลูกฝังให้มีความจงรักภักดีเทิดทูนสถาบัน สำหรับการเรียกร้องประชาธิปไตย ก็ไม่มีการล้มเจ้า ถ้าหากมีเรายืนยันว่าเราไม่เอา แต่ความเป็นจริงมันไม่มี มีเพียงฝ่ายตรงข้ามกล่าวหา ดังนั้นฝ่ายความมั่นคงที่กังวลอยู่ยืนยันได้ว่าไม่มี แต่ยอมรับว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์จริง แต่เป็นเรื่องปกติ เพราะทุกคนในประเทศก็สามารถถูกวิพากษ์ วิจารณ์ได้ แต่ทำเพื่อความปราถนาดีไม่ได้คิดร้ายอะไร ถ้าใครจะมาทำลาย ผมก็ไม่ยอมเช่นเดียว ผมชื่นชม ผบ.ทบ. มีจุดยืนในการปกป้องสถาบันอย่างแข็งแกร่ง” นายก่อแก้ว ระบุ
พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงงบประมาณเพิ่มเติมว่า การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นงานสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด ทุกหน่วยทุกเหล่าทัพ เร่งด่วนให้ความสำคัญสูงสุด โดยการปราบเว็ปไซต์อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับหน่วยงานอื่น ไม่ได้หยุดนิ่ง ส่วนเรื่องความปรองดองของคนในชาติในปี 2556 ทางสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมของบ 247 ล้านบาท แต่เราได้รับจำนวน 56 ล้าน ก็ได้ดำเนินการสร้างความปรองดองของคนในชาติอย่างต่อเอง ทั้งการจัดสัมมนาสร้างจิตสำนึกให้รักเมืองไทย อบรมความมั่นคงของชาติ ประชาชนและเยาวชนด้วย นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงโครงสร้างกองทัพให้เล็กลง และมีแผนตั้งแต่ปี 2550-2555 และปรับปรุงแผนแม่บทตั้งแต่ 2555-2559 เพื่อให้กองทัพมีความเล็ก และมีประสิทธิภาพ โดยจะเห็นว่างบประมาณจะเพิ่มถึง 57 เปอร์เซ็ต์ ทั้งงบเพิ่มเงินเดือน และมีแผนที่จะลดกำลังพลไปถึง 20 ปี โดยจะลงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
ส่วนการให้ความช่วยเหลือทหารผ่านศึก ก็ได้ดูแลกันเป็นปกติ และผู้บังคับบัญชาตามลำดับตามสิทธิต่าง ๆ ทหารผ่านศึก จะได้รับเมื่อบาดเจ็บ หรือล้มตายก็ได้รับตามระเบียบ หลังจากนั้นก็จะดูแลตามขั้นตอน โดยอย่างน้อยประมาณ 22,000 บาท หากเกิดพิการทุพลภาพ โดยจะทำตามกรอบในงบประมาณที่ได้รับ นอกจากนี้มีเงินหมุนเวียนด้านอื่น ๆ ด้วย รวมถึงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ขณะนี้ขีดความสามารถมีการสร้างวัตถุระเบิด โดยสร้างได้หลายชนิด และมีความร่วมมือกับต่าง ๆ ทั้งประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยร่วมมือกันอย่างดี นอกจากนี้ พรบ.ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยอยากให้ สส.ได้รับสนับสนุนในเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้เกิดการพัฒนากับไลน์เส้นกับต่างประเทศ
ส่วน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวเสริมว่า ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลัง ผมถือว่าเป็นมือใหม่ เข้ามาช่วงแรกก็ยังงง คิดว่าจะมาผิดเวที ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเกิดกับทุกฝ่าย และคนที่เสียหายที่สุดคือประเทศ ไม่ควรมาขยายเรื่องนี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎกติกา เราพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ กองทัพเตรียมการแผนพัฒนาตามกฎหระทรววงกลาโหมใน 8 พันธกิจ ทั้งเรื่องปกป้องสถาบัน ซึ่งถือเป็นเรื่องของคนไทยทุกคน เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ขอให้มั่นใจว่าเราทำเต็มเที่ และทำเป็นไปตากฎกติกามารยาท ไม่ควรไปขยายไม่อย่างนั้นเรื่องเดียวกันพูดกันเป็นร้อยหนร้อยเรื่อง เรื่องการป้องกันประเทศ เราใช้กำลังพลเป็นหลัก และจะดูแลกำลังพลอย่างเต็มที่ ภายใต้งบประมาณที่มีอยู่ และเราพร้อมเข้าสู่ประเทศอาเซียนในปี 2558 ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ เราเป็นประเทศชั้นนำในอาเซียนทั้งหมด ผบ.เหล่าทัพ และตน สามารถยกโทรศัพท์พูดคุยกันได้ และหลายเรื่องที่มีปัญหาก็พูดคุยกันตลอด
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวอีกว่า การฝึกบรรเทาสาธารณภัยที่จะมีการฝึกร่วมกัน 10 ประเทศ และทวิภคีกับประเทศต่าง ๆ ในการฝึกทั้งสหรัฐอเมริกา และจีน เรามีความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศ เราจะมีกฎกติกาเรามีปรัญชาเป็นกลางให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งสหรัฐ และ พม่า ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพม่า และมีการเดินทางมาเยือนไทยของประธนาธิบดีพม่าในปลายเดือนนี้ สรุปว่างานทุกอย่างพร้อมแล้ว กองทัพเป็นกลไกของรัฐบาล และประชาชนที่จะให้ประเทศก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง นอกประเทศทหารก็ไปสร้างชื่อมาตลอด ทั้งกองทัพเรือ และ กองทัพบก ทั้งนี้ยืนยันว่ากองทัพเป็นของประชาชน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การชี้แจงงบประมาณในวันนี้มีคำถามที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบกหลายคำถาม กว่า 50 หัวข้อ ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจตนจึงอยากชี้แจงว่า ภารกิจของกองทัพมีทั้งการเตรียมกำลัง และการพัฒนากองทัพ รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ดังนั้นงบประมาณส่วนใหญ่ไปอยู่ภารกิจโดยตรงทางด้านการทหาร สิ่งที่อยากเรียนคือการที่เป็นทหารของประชาชนและทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นจอมทัพไทย การรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดน แม้ว่างบประมาณจะมากหรือไม่มาก ประเทศไทยไม่เคยเสียดินแดน แม้ว่าบางเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลโลกก็ไม่เสีย วันนี้ประเทศชาติเปลี่ยนไป แต่กองทัพไม่เคยทำให้เสียดินแดน นี่คือผลผลิต หากเอาระเบียบของพลเรือนมา ก็สามรรถทำได้เพียง 2 ยุทธศาสตร์ ปัจจุบันที่ทำอยู่เกี่ยวกับการฝึก และ สวัสดิการ การเป็นอยู่ ยุทธปัจจัย การจัดซื้อต่าง ๆ อย่าพูดว่าทหารพูดว่าทุจริต ทหารทำตามสำนักนายกรัฐมนตรี อย่าพูดก่อน ถ้ารู้ว่าตรงไหนทุจริต แจงมา กองทัพบกมีกำลังพล เมื่อมีงบประมาณแค่นี้ท่านบอกว่ามาก ทหารทำงานไม่ได้ไปจ้างคนอื่น ใช้คน 2.5แสนคน ทำงาน สิ่งที่เสียเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน ค่าน้ำมัน นอกจากนั้นเราทำให้หมด เราไม่ได้จัดซื้อจัดจ้าง ฉะนั้นทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และระเบียบราชพัสุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าสำหรับงบประมาณเกี่ยวกับการสร้างความปรองดองนั้น พยายามปลุกฝังความรักชาติ ส่วนกองทัพยุคใหม่ ต้องมองให้ชัดเจน ทุกเหล่าทัพตามหน้าที่และช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมกับลดกำลังพลให้น้อยลง แต่หากเกิดภัยพิบัติหรืออะไรขึ้นทุกคนจะต้องช่วยกันรับผิดชอบ ส่วนเรื่องทหารพม่าจับกุมคนไทยนั้น ทางกองทัพบกก็พยายามเจรจากันอยู่ แต่ตนไม่อยากพูดให้เสียกำลังใจ เพราะมีประชาชนไม่เคารพกฎหมาย แต่ขณะนี้เร่งเจรจา มันผิดมากมาย ตอนนี้พยายามพูดคุยจากเดิมมีการจับกุมไปกว่า 800 คน ตอนนี้เหลือประมาณ 90 คน เพราะมีอาวุธ และสิ่งผิดกฎหมายมีการต่อสู้ ดังนั้นเมื่อคนไทยก็จะพยายามช่วยกัน ทหารทำตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ กระทรวงกลาโหมสั่งการมาให้เร่งดำเนินการ นายกรัฐมนตรี ก็สั่งการมาเช่นเดียวกัน ขณะนี้ถือว่ามีความก้าวหน้าไปตามลำดับ และในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ประธนาธิบดีพม่า ก็จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย แต่ปัญหาขณะนี้มีปัญหาเรื่องอาวุธ ที่ผ่านมาทหารก็แจ้งเตือนไปแล้วแต่ก็ไม่ยอมฟังกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการชดเชยเบี้ยเลี้ยงกำลังพลนั้นในปีสำหรับทหารพรานขณะนี้ได้รับมา 120 บาทต่อวัน นายสิบได้วันละ 240 บาท นายทหารได้ 400 กว่าบาท ชีวิตมีค่าเท่านี้ แต่ไม่บ่น เราทำให้ทุกอย่าง ถ้าให้มากกว่านี้ก็แฮ้ปปี้ ในส่วนของทหารพราน อยากถามว่าเป็นแรงงาน หรือ กรรมกรหรือไม่ ต้องเขียนให้ชัดว่าเบี้ยเลี้ยงทหารต้องได้ 300 บาทเท่ากันทั้งประเทศ ซึ่งถามว่ารัฐบาลจะรับไหวหรือไม่ เมื่อไม่ได้ก็ต้องว่ากันตามหลักการ ด้วยกติกา และกฎหมาย ทหารอยู่ในกรอบกติกาอย่าไปดึงเขาลงมา อย่าไปล้างสมองว่าเขาต้องได้เท่าไหร่ ตนรักลูกน้อง เห็นใจเพราะเขาเป็นคนจน ส่วนการปล้นปืนที่กองพันพัฒนา ที่จ.นราธิวาส เมื่อปี 2547 นั้น กำลังติดตามอยู่ ได้คืนมาแล้ว 100 กว่ากระบอก ก็ต้องแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก
“ส่วนข่าวปฏิวัติเรื่องนี้ไม่ต้องมาถามอีกแล้ว อย่าถามอีก อย่าพูดคำนี้อีก ไปถามคนพูด ผมไม่เคยพูด สำหรับเรื่องยุทโธปกรณ์ ในอาเซียนเราถือว่าเป็นกองทัพที่มีมากที่สุดในอาเซียน ซึ่งเป็นยุทโธปกรณ์ที่จัดหามาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น บางอย่างอายุ 40 ปี ส่วน ฮ. 100 ลำใช้มา 30 ปี ต้องมีการซ่อมบำรุง แต่เมื่อไม่มีงบประมาณตามวงรอบ ก็ไม่ได้ซ่อม ทำให้ส่วนที่เสียก็เสียเพิ่มขึ้น เมื่อปีงบประมาณใหม่ก็ต้องใช้งบประมาณซ่อมมากขึ้น” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการพูดถึงภัยคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น อยากให้เข้าใจว่าประเทศอยู่ด้วยกฎหมาย ทหารไม่ได้ถือกฎหมาย แต่ตำรวจเป็นผู้ถือกฎหมาย แต่ทหารรับผิดชอบในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนรับผิดชอบเหมือนกันหมด ไม่ใช่เฉพาะทหาร ถ้ารู้ว่าใครพูดจาหมิ่นฯ ก็ไปแจ้งความ โดยมีคณะกรรมการฯ ของตำรวจ และ คณะกรรมการฯของกระทรวงยุติธรรม กรองอีกชั้นเพื่อให้ไปเป็นไปตามที่ทรงรับสั่งไว้ว่าไม่อยากให้เป็นปัญหาต่อประชาชน ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ
“ แต่ก็มีคนชั่วที่นำประโยชน์เหล่านี้ มาทำต่อเนื่อง ก็รู้อยู่แล้วว่ามีใครบ้าง สิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ก็ดำเนินคดีไปจำนวนมาก โดยทหาร ตำรวจ ยุติธรรม ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการฯ ได้ร่วมมือกันทำงาน ทั้งเว็บไซต์สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งในประเทศ นอกประเทศ มีหลักฐานรายชื่อทั้งหมด แต่ทหารจะทำเลยไม่ได้ก็ต้องส่งไปทางตำรวจดำเนินการ สิ่งที่สำคัญก็ต้องทำคือต้องห้ามปรามแก้ไข โดยมีรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้จึงตั้งคณะทำงานขึ้นมา ซึ่งคณะของเราก็ไปทำงานเชื่อมกับคณะกรรมการฯ ของรัฐบาล แต่คนทำงานมีแค่ไม่กี่คน ประมาณ 10 คน พิมพ์ทั้งวัน พอปิดตรงนี้ก็ไปเปิดตรงโน่น ซึ่งการปิดเว็บไซต์ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ไปปิด แต่ต้องไปขอคำสั่งศาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เสนอกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ หรือ ไอซีที ปิด 14 เว็บไซต์ 74,235 ยูอาร์แอล ดำเนินคดีไปแล้ว103 ราย ไปพบปะพูดคุยไม่ให้ทำอีกกว่า 100 ราย เพราะไม่ต้องการใช้กฎหมายรุนแรงพร่ำเพรื่อ เพราะจะไปเข้าล็อคอีกว่าสถาบันฯเอากฎหมายไปปกป้องตัวเอง ทุกอย่างละเอียดอ่อน ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำ ทุกเหล่าทัพทำเหมือนกันหมด ในทางเปิดก็ใช้การตอบโต้ในทางอินเตอร์เน็ต เมื่อปี 2544 เปิดพบ 8,000 ยูอาร์แอล ต่อเดือน จนปีนี้พบถึง 10,000 ยูอาร์แอล ต่อเดือน
“ตราบใดที่มีการทะเลาะกันก็จะมากขึ้น ถ้าเลิกทะเลาะก็จะลดลง เมื่อมีการทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ ฝ่ายหนึ่งนำสถาบันมาปกป้อง อีกฝ่ายโจมตีสถาบัน ซึ่งพระองค์ท่านไม่เคยลงมาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นคนล่างๆ ใต้ๆ สถาบัน แต่ที่พูดเพราะเขาก็รักสถาบัน จึงตีกันไปเรื่อยๆ วิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคืออย่านำสถาบันลงมา อย่าพูดเรื่องสถาบัน ใครผิดก็ว่าไปตามผิด นำกฎหมายมาดำเนินการ เรื่องนี้ก็จบไป ทั้งนี้ผมคิดว่ามีงบประมาณหมื่นล้านก็แก้ไม่ได้ ถ้ายังทะเลาะกันอย่างนี้ และอย่าดึงท่านลงมา ผมยืนยันว่าท่านไม่เคยเกี่ยวข้องทุกเรื่อง สำหรับสถานีวิทยุชุมชน เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 37 สถานี ทุกคนมีคดีทั้งสิ้นแต่ขณะนี้ไปปิดไม่ได้ เพราะมี พรบ.วิทยุชุมชนอยู่ ส่วนที่กล่าวถึงชายชุดดำนั้น ทั้งหมดมีอยู่ 14 ราย ดำเนินคดี ตัดสินจำคุก 38 ปีก็มี ต้องไปสู้กันในศาล อย่าพูดกันนอกศาล”ผบ.ทบ. กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับงบฯปรองดองที่บรรจุอยู่ใน พรบ.งบประมาณนั้น ในส่วนของทหารก็ไม่อยากเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้ ต้องถามว่าใครจะปรองดองกับใคร คน 65 ล้านคนทะเลาะกันหมดหรือเปล่า ถ้าใช่ค่อยว่ากัน ถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปหา stakeholder หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดว่ามีใครบ้างที่ทะเลาะกันอยู่ ต้องแก้ไขให้ได้ แล้วค่อยเอาทหารไปร่วมกันอีกครั้ง ถ้านำทหารเข้าไปตอนนี้เท่ากันไปเพิ่มความขัดแย้งขึ้นมาอีก ก็จะมองว่าทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและความขัดแย้งทุกครั้งไป ก็ต้องไปเคลียร์กันให้ได้แล้วกัน แล้วมาบอกทหาร ซึ่งทหารพร้อมปฏิบัติทุกประการตามคำสั่งของรัฐบาล ทั้งนี้ต้องขออภัยทีต้องพูดเสียงดัง ไม่เช่นนั้นสมองไม่แล่น ในเรื่องงบประมาณ ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใครแต่จำเป็นที่ต้องพูดเช่นนี้เพราะลูกน้องฟังอยู่ ไม่เช่นนั้นก็สั่งลูกน้องไปทำงานไม่ได้ ถ้าตนไม่ปกป้องเกียรติยศ และ ศักดิ์ศรีของเขาและกองทัพบก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น นายพิเชษฐ์ พันธ์วิชาติกุล กมธ. ได้ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงโดยเร็ว มีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าผู้ชี้แจงงบฯ ปีนี้ค่อนข้างก้าวร้าวกับกรรมาธิการ จึงขอให้ผ่าน ผบ.ทบ.ไป จากนั้นเป็นการชี้แจงของ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. ที่ระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างทบทวนโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ในขณะที่ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ชี้แจงว่า กรณีที่มีการพูดถึงคลื่นวิทยุความถี่ 104.1 นั้น ซึ่งเราได้ติดตามว่าสิ่งใดจะมีผลกระทบต่อความมั่นคง ในพื้นที่มีทั้งหมด 40 สถานีที่เราติดตาม และได้รายงานให้หน่วยทีเกี่ยวข้อง แต่เราไม่มีอำนาจหน้าที่ หลังจากนั้น นายพิเชษฐ์ ได้รวบรัดให้มีการปิดประชุมโดยเร็ว เพราะเลยเวลาที่กำหนดไว้มานานแล้ว และหากมีการพูดกันอีกก็จะล้มการประชุมกมธ.ไปเลย โดยประธานกมธ.ได้สั่งปิดประชุมในช่วงเช้าทันที ก่อนที่ช่วงบ่ายจะเป้นการชี้แจงในส่วนของ กอ.รมน. และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศต่อไป