“ยงยุทธ” เถียงหัวชนฝายัน พท.เทิดทูนสถาบัน ไม่ถูกครอบงำ

“ยงยุทธ” ปัด “แม้ว” ครอบงำแก้ รธน. ไม่โยงกลุ่ม นปช. พล่ามขอความเห็นใจเป็น ขรก.เทิดทูนสถาบันอยู่แล้ว อีกทั้งข้อบังคับนโยบายพรรคก็เขียนชัด ยันไม่มีวันแก้เพื่อล้มการปกครอง แต่ไม่รับปากไม่ครอบคลุมคืนเงิน 4.6 หมื่นล้าน ล้ม คตส. โยนเผือกร้อนอ้าง ส.ส.เสนอแก้ไม่เกี่ยวกรรมการบริหารพรรค ด้านตุลาการซัก ส.ส.ร.อยู่ในอำนาจไหนของ 3 หลักอธิปไตย


วันนี้ (6 ก.ค.) การไต่สวนผู้ถูกร้องและพยานในคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ ศาลได้ทำการไต่สวนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 3 โดยนายยงยุทธ กล่าวว่า ความรู้สึกของตัวเองในฐานะหัวหน้าพรรคถูกร้องเรื่องนี้รู้สึกเจ็บปวด เพราะเป็นไปไม่ได้เลยไม่ว่าจะในฐานะใดที่ตนจะไปล้มล้างการปกครองฯ เพราะตนรับข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเป็นพสกนิการชาวไทยรับใช้แผ่นดินและพระราชวงศ์มาทุกพระองค์ ยืนยันว่าข้อบังคับพรรคและนโยบายพรรคเขียนตรงกันคือต้องรักษา เทิดทูนและพิทักษ์สถาบัน ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ กล้ายืนยันว่าไม่มีความคิดล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐบาลเองก็มีนโยบายเรื่องนี้ชัดเจน เช่นเดียวกับกรณีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้เคยยืนยันหลายครั้งว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีวันแก้หรือแตะต้อง ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเองก็เคยมีมติยืนยันชัดเจนเช่นกัน พรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เป็นเสียงข้างมาก ถ้าคิดร้ายต่อสถาบัน ไม่มีทางได้รับการยอมรับจากประชาชนแน่นอน อย่างไรก็ตามการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยไม่เคยมีมติแก้ไข แต่เป็นการประชุมของ ส.ส.ของพรรค

จากนั้นฝ่ายผู้ร้องก็ได้ซักค้าน โดยตอนหนึ่งนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ผู้ร้องที่ 3 ซักว่าได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งนายยงยุทธตอบว่า มีการพูดคุยกันบ้างในเรื่องทั่วไป แต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยเข้ามาก้าวล่วง ชี้นำ ครอบงำกรรมการบริหารพรรคหรือสมาชิกพรรค เมื่อนายวิรัตน์ ซักว่า ที่พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 309 หากไม่ถูกแก้ไข กฎหมายปรองดองที่ยกเลิกความผิด คืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท รวมถึงการยกเลิกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) จะเกิดไม่ได้ใช่หรือไม่ ซึ่งนายยงยุทธ ชี้แจงว่า เป็นการคิดเองและคิดไปไกล ไม่สามารถทำนายเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดได้ จึงไม่มีความเห็น แต่เปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนถ้าเปลี่ยนแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศ แต่เพื่อคนๆเดียวทำไม่ได้

นอกจากนี้ นายยงยุทธยังได้ปฏิเสธว่าไม่มียุทธศาสตร์ 2 ขาคู่ขนานระหว่างพรรคเพื่อไทยและกลุ่ม นปช.ในการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นความคิดเห็นที่ตรงกัน แต่ต่างคนต่างก็ทำงานกันไป

หลังการซักค้านของฝ่ายผู้ร้องแล้ว นายวสันต์ก็ได้ถามนายยงยุทธว่า ในฐานะที่เป็นนักรัฐศาสตร์ ถ้าบอกว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยต้องยึดหลักอำนาจอธิปไตย 3 หลัก คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ การตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมานั้นอยากรู้ว่า ส.ส.ร.เป็นตัวแทนของอำนาจไหนใน 3 หลักนี้ นายยงยุทธกล่าวว่า “น่าจะเป็นของรัฐสภาครับ“