โฆษก พท.เผย “ขุนค้อน” ยอมรับคลิปเสียงตัวเอง ระบุเป็นการเล่าสู่กันฟังตามปกติ แกนนำพรรคไม่ติดใจ ไม่จำเป็นต้องลาออก พร้อมแว้งเล่นงานคนเผยแพร่คลิปเล่นการเมือง จงใจปล่อยก่อนศาล รธน.วินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง เตรียมพยานผู้ถูกร้องแจงศาลฯแล้ว มั่นใจแก้ รธน.ไร้ปัญหา
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้พรรคเพื่อไทยนำโดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรค นายโภคิน พลกุล สมาชิกพรรค รวมถึงนายคณิน บุญสุวรรณ จะเดินทางเข้าชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่ผู้ร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครอง เข้าข่ายขัดมาตรา 68 ในวันที่ 5 และ 6 กรกฎาคมนี้ ซึ่งพรรคได้เตรียมข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดไว้เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล โดยมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและไม่ได้เป็นการล้มการปกครอง พร้อมกันนี้คาดว่าจะมีทั้งสมาชิกพรรคและมวลชนที่ให้การสนับสนุน จะเดินทางไปให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยและเชื่อมั่นว่ามวลชนจะไม่ชุมนุมกดดันการทำหน้าที่ของศาล
ส่วนกรณีการเผยแพร่คลิปเสียงของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ผ่านทางเว็บไซต์ยูทิวบ์นั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เป็นการพูดคุยหารือทางการเมืองตามปกติระหว่างนายสมศักดิ์กับคนใกล้ชิดประมาณ 50 คน โดยขณะนี้ผู้ใหญ่ในพรรคทราบเรื่องแล้วและไม่เป็นกังวล เพราะถือว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้ ส.ส.หรือสมาชิกพรรคสามารถแสดงความคิดเห็นได้
“นายสมศักดิ์แจ้งแล้วว่าเป็นการเล่าสู่กันฟังและแสดงความเห็นปกติ ไม่ได้เป็นการชี้นำทางการเมืองแต่อย่างใด แต่แปลกใจว่าทำไมเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. แต่สถานีโทรทัศน์ช่องบลูสกายกลับจงใจปล่อยออกมาในช่วงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการไต่สวน ดังนั้นเรื่องนี้มองได้ว่าเป็นเกมการเมืองมากกว่า”
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวอีกว่า ไม่มีความจำเป็นที่นายสมศักดิ์จะต้องลาออกจากตำแหน่งประธานรัฐสภาตามที่ฝ่ายค้านเรียกร้อง เพราะเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่การออกมาพูดในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ โดยขณะนี้ยังไม่ทราบบุคคลที่เป็นต้นตอปล่อยคลิปเสียงที่เเท้จริง เเต่ยืนยันว่าไม่มีความขัดเเย้งเเละเเรงกดดันจาก สส.ภายในพรรคเพื่อไทยเเน่นอน
นายพร้อมพงศ์ยังปฏิเสธว่ารัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวข้องกับบ่อนการพนันย่านกิ่งเพชร บริเวณถนนเพชรบุรีซอย 5 ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทยกล่าวอ้าง และพยายามโยงกลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งตนเห็นว่าหากนายชูวิทย์มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็ควรตรวจสอบรัฐบาลด้วยการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเหมาะสมกว่า