xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชี้คลิป “ขุนค้อน” มัด “ทักษิณ” กุมบังเหียนสภา ปลุกสังคมขวางหาประโยชน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” ระบุคลิปเสียง “ขุนค้อน” มัด “นช.แม้ว” กุมบังเหียนสภา วนเวียนอยู่แต่เรื่องผลประโยชน์ตัวเอง ปลุกสังคมอย่ายอมให้รัฐบาลบริหารเพื่อ "ทักษิณ" ทอดทิ้งประชาชน จวก 1 ปี รัฐบาลปูเป็นความสูญเปล่าของบ้านเมือง เล็งนำคลิปเป็นหลักฐานเพิ่มในการยื่นถอดถอน “สมศักดิ์” ขณะเดียวกันห่วงเศรษฐกิจไทยล่มสลายตามรอยกรีซ หากรัฐบาลไม่หยุดจำนำข้าว ติง “กิตติรัตน์” จ่อสร้างหนี้ประเทศ 2 ล้านล้านไม่ผ่าน พ.ร.บ.งบฯ เข้าข่ายหลบเลี่ยงการตรวจสอบของสภาฯ ขัดเจตนารมย์ตามระบอบ ปชต. เดินหน้านโยบายสวนทางเศรษฐกิจโลก สะท้อนประเมินต่ำเกินจริง คิดแต่จะกู้ทั้งที่ต้องลดรายจ่าย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดงอาจจะมีการเคลื่อนไหวกดดันศาลรัฐธรรมนูญระหว่างการไต่สวนคำร้องแก้รัฐธรรมนูญ ม.291 อาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในวันที่ 5-6 ก.ค. นี้ว่า ไม่ควรกดดันศาลและอยากให้ตุลาการทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ขอให้ทุกฝ่ายเคารพการตัดสินของศาล มิเช่นนั้นต่อไปนี้สังคมไทยก็จะไม่มีกระบวนการหาข้อยุติอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงในเรื่องข้อกฎหมายหรือกรณีที่มีข้อโต้แย้งได้

ส่วนกรณีที่มีคลิปเสียงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่ระบุถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญและผลักดันร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คลิปดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ยังอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวในทางการเมือง และมีอิทธิพลต่อการทำงานของ ส.ส. และรัฐบาล อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าเนื้อหาในคลิปดังกล่าววนเวียนอยู่แต่ประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่ามีคนยอมรับว่าการเดินหน้าเรื่องเหล่านี้นำไปสู่ความขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายสมศักดิ์ทำหน้าที่อยู่บนบัลลังก์ พรรคประชาธิปัตย์ยังสามารถทำงานร่วมกับนายสมศักดิ์ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องให้นายสมศักดิ์ชี้แจงก่อนว่าสิ่งที่ออกมาเป็นคำพูดของนายสมศักดิ์จริงหรือไม่ ความหมายคืออะไร แต่ยืนยันว่าประธานสภามีหน้าที่ในการเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติและต้องทำตัวเป็นกลาง ซึ่งทั้งหมดก็ชี้ถึงปัญหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังแทรกแซงก้าวก่ายและมีอิทธิพลต่อการทำงานของรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร

ส่วนที่คนในรัฐบาลออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่าเป็นเพียงเรื่องส่วนตัวนั้น ตนคิดว่าสุดท้ายต้องพิสูจน์ด้วยการทำหน้าที่ ฉะนั้น หากนายสมศักดิ์ยืนยันว่าจะไม่เอาเรื่องเหล่านี้เข้ามาเพราะเป็นปัญหาต่อบ้านเมืองก็ขอให้ดำเนินการอย่างจริงจัง และทำหน้าที่อย่างเป็นกลางถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งประเด็นเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่พรรคได้ยื่นถอดถอนไปแล้ว ส่วนจะมีการนำคลิปเสียงไปเป็นหลักฐานประกอบหรือไม่ ผู้ที่เกี่ยวข้องจะไปพิจารณาอีกครั้ง

“คลิปที่ออกมารู้สึกว่ารัฐบาลก็ไม่กังวลเรื่องนี้ เพราะคนในรัฐบาลบางคนพูดชัดในสภาว่าเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในพรรคเพื่อไทยหลายครั้งก็ข่มขู่ประธานสภาชัดเจนว่าต้องทำตามมติพรรค ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ผมรู้สึกว่ารัฐบาลไม่รู้สึกอะไร อยู่ที่ว่าสังคมจะยอมรับแนวทางการบริหารแบบนี้หรือเปล่า สังคมต้องคิดว่าเราจะปล่อยให้เกิดสภาพแบบนี้ต่อไปรเอยๆ หรืออย่างไร ผมก็เรียกร้องว่าคนที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนได้รับความไว้วางใจให้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญ ต้องแยกผลประโยชน์ของตนเองกับพวก และของคนที่มีความผูกพันเป็นส่วนตัว ให้ออกจากผลประโยชน์จากส่วนรวม”

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลยังคงวนเวียนอยู่กับการบริหารเพื่อทักษิณมากกว่ประเทศชาติ วันนี้ก็ครบ 1 ปี หลังการเลือกตั้ง 3 ก.ค. 54 เห็นชัดว่านโยบายส่วนรวมที่เป็นสัญญากับประชาชนเดินไปได้ช้า ทิศทางของประเทศอนาคตของประเทศก็ขาดความชัดเจน บ้านเมืองสูญเสียโอกาสมาหลายเรื่อง แต่รัฐบาลกลับวนเวียนอยู่กับผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเป็นปีที่สูญเปล่า หากรัฐบาลยังไม่ตั้งหลักใหม่ที่จะขับเคลื่อนไปสู่อนาคตของประเทศอย่างจริงจัง

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง เตรียมที่จะออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยจะไม่นำเข้าไปร่วมกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณว่า ต้องถามเหตุผลความจำเป็นที่จะใช้วิธีการนี้เพราะอันตราย การที่จะกู้เงินอย่างนี้ หรือกู้โดยขาดดุลงบประมาณ ก็คือหนี้ของประเทศ เป็นหนี้ของประชาชนเหมือนกัน แต่ถ้าทำเพื่อหวังให้เกิดภาพว่างบประมาณไม่ได้ขาดดุล แต่สุดท้ายภาระตกอยู่กับประชาชนอยู่ดีที่จะต้องหาเงินมาใช้หนี้เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เหมือนภาพลวงตา แต่ที่เลวร้ายคือกระบวนการใช้จ่ายเงินกู้จะไม่มีความโปร่งใส ไม่ได้รับการตรวจสอบเพราะไม่ได้รับการจัดสรรจากสภา จึงน่าคิดว่าเป็นการหลบเลี่ยงเจตนารมณ์พื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยที่ผู้แทนของประชาชน มีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบการใช้เงินของรัฐบาล ทั้งนี้ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทก็ยังใช้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งตนย้ำทุกครั้งว่ารัฐบาลพูดแต่เรื่องเงินไม่พูดเรื่องงาน โดยตั้งเป้าว่าจะใช้เงินเท่านั้นเท่านี้ แต่ไม่ได้บอกประชนถึงความจำเป็นในการใช้เงินคืออะไร

“อยากให้รัฐบาลตระหนักว่าเงินที่ใช้อยู่ไม่ใช่เงินของรัฐบาล แต่เป็นของประชาชนทุกบาท และที่ ครม.เงากังวล คือ เป็นห่วงว่ารัฐบาลยังประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจยุโรปแบบไม่ยอมรับถึงความหนักหน่วงของปัญหาที่เกิดขึ้น กลับคิดแต่จะใช้จ่ายเงินเพิ่มเข้าไปอีก ขณะที่รัฐบาลควรกลับไปดูว่าการใช้จ่ายที่ทำอยู่มีประสิทธิภาพหรือไม่ ทั้งการประเมินผลกระทบ ก็ไม่ควรประเมินเฉพาะทางตรง เช่นมีการพูดว่าถ้ายุโรปมีปัญหาก็ไปภูมิภาคอื่น เพราะอย่าลืมว่าทุกภูมิภาคมีความเชื่อมโยงกนัน และหลายประเทศเริ่มได้รับผลกระทบจากวิกฤตยุโรปแล้วทำให้กระทบการส่งออกของไทยไปยังประเทศนั้นๆ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีดีอาร์ไอประเมินว่าหากรัฐบาลยังเดินหน้าประชานิยมในลักษณะนี้ต่อไป ประเทศไทยจะล่มสลายเศรษฐกิจภายใน 10 ปีไม่ต่างจากกรีซ คิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าบางโครงการเช่นจำนำข้าวยังเดินต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ มีปัญหาแน่นอนเพราะใช้เงินมหาศาลและไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย แถมยังมีการรั่วไหล ทุจริตรวมทั้งทำลายศักภาพการส่งออกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น