เลขาฯ ประธานสภาฯ เผย “สมศักดิ์” เบี้ยวงานวันนี้ คาดคงเครียดกรณีศาลรธน. ด้าน โฆษกฯ กลับลำ! อ้างคุยแล้วเจ้าตัวรับของจริงแต่คุยกันในครอบครัว ย้อนถามจริยธรรม ปชป. เชื่อใช้เป็นหลักฐานยื่นศาลร่วมไม่ได้แต่ก็ขึ้นกับดุลพินิจตุลาการ ยันแก้รัฐธรรมนูญโดยชอบธรรม ไม่มีล้มล้างการปกครอง
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายพินิจ จันทรสมบูรณ์ เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์นำคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นเสียงของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร มาเผยแพร่ว่า ประเด็นดังกล่าวตนไม่ทราบ แต่ส่วนตัวมองว่าทิศทางหรือแนวโน้มการลงมติในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร น่าจะขึ้นอยู่กับที่สมาชิกสภาฯ และทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มากกว่า ส่วนประธานสภาฯ นั้นเป็นผู้ที่ดูแลและควบคุมการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่านายสมศักดิ์ มีภารกิจหรือไปปฏิบัติหน้าที่ที่ไหน และเมื่อช่วงเช้า วันนี้ (5 ก.ค.) เดิมนายสมศักดิ์ต้องไปร่วมงานที่โรงแรมดุสิตธานี แต่นายสมศักดิ์ก็ไม่ได้ไป คาดว่านายสมศักดิ์อาจจะเกิดความเครียดในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนคำร้องที่มีบุคคลร้องขอให้ศาลพิจารณาว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เข้าข่ายขัดมาตรา 68 หรือไม่
ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องนี้ได้สอบถามนายสมศักดิ์ แล้วในเบื้องต้น ซึ่งนายสมศักดิ์ระบุว่าเป็นการพูดคุยกับคนในครอบครัวเพียงไม่กี่คน ไม่ใช่การปราศรัย ดังนั้นตามมารยาทแล้วก็ไม่กล้ากระดากล้วงลูกต่อว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นการตัดต่อ หรือมีการเติมแต่งหรือไม่อย่างไร เพราะคิดว่าเป็นเรื่องภายใน ฉะนั้นคนที่อัดเสียงแล้วไปปล่อย หรือพรรคการเมืองที่ตั้งโต๊ะแถลงก็ถามถึงจริยธรรมในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าจะนำมาเป็นหลักฐานให้ศาลรัฐธรรมพิจารณาร่วมด้วยนั้น นายวัฒนากล่าวว่า คงจะนำมาเป็นหลักฐานเพิ่มไม่ได้ เพราะหมดเขตส่งหลักฐานตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลที่จะอนุญาตหรือไม่ ทั้งนี้ หากนำมาเป็นหลักฐานจะทำให้มีน้ำหนักเพิ่มหรือไม่นั้นตนเฉยๆ เพราะไม่ใช่เรื่องทุจริตเป็นเพียงการแสดงความเห็นตามปกติ และการแสดงความเห็นดังกล่าวคงไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของบุคคลใด
นายวัฒนากล่าวต่อว่า สำหรับวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกผู้ร้องชี้แจงด้วยวาจาต่อองค์คณะตุลาการนั้น ตนก็มารับฟังการชี้แจงและเชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรมอย่างแน่นอน ยืนยันว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งวาระ 1 และวาระ 2 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามระเบียบข้อบังคับ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครองอย่างที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตามเราก็มีหน้าที่จะต้องทำให้หายกังวลต่อข้อสงสัยต่างๆ