องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อรับฟังคำไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้อง กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องจำนวนมาก
ก่อนการชี้แจง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ยืนยันว่า เจตนาการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่มีเบื้องหลังแต่เห็นว่า น่าจะเป็นการล้มล้างการปกครอง นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมทนายความพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้อง เปิดเผยว่า เตรียมหลักฐานเข้าชี้แจงต่อศาล ประกอบด้วย เอกสารกว่า 100 หน้า รวมถึง VCD บันทึกคำพูดของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายใจ อึ๊งภากรณ์ และนายจักรภพ เพ็ญแข ที่เคยพูดก้าวล่วงสถาบัน และการจัดตั้งรัฐไทยใหม่ ล้มล้างการปกครอง นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียงของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการเผยแพร่ล่าสุด เพื่อนำมายืนยันต่อศาลว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาล ต้องการล้มล้างการปกครองจริง และผู้ร้องไม่จินตนาการไปเอง
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตทนายความพรรคพลังประชาชน มั่นใจว่า คลิปเสียงของนายสมศักดิ์จะไม่มีผลต่อคดีนี้ ส่วนอำนาจของประธานสภาฯ ในการวินิจฉัยว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์เองยืนยันว่า จะใช้รูปแบบการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ขณะเดียวกัน ข้อกล่าวหาของผู้ร้องยังไม่เกิดขึ้น และไม่เข้าองค์ประกอบของรัฐธรรมนูญ มาตรา 28 วรรคสอง
ส่วนนายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่า คลิปเสียงของประธานสภาฯ ไม่น่าจะนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาครั้งนี้ได้ เนื่องจากศาลได้พิจารณาให้ส่งพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้วก่อนหน้านี้ แต่ถ้ามีการแถลงในวันนี้เพื่อขอให้นำคลิปเสียงมาใช้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ก่อนการชี้แจง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ยืนยันว่า เจตนาการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่มีเบื้องหลังแต่เห็นว่า น่าจะเป็นการล้มล้างการปกครอง นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมทนายความพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้อง เปิดเผยว่า เตรียมหลักฐานเข้าชี้แจงต่อศาล ประกอบด้วย เอกสารกว่า 100 หน้า รวมถึง VCD บันทึกคำพูดของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายใจ อึ๊งภากรณ์ และนายจักรภพ เพ็ญแข ที่เคยพูดก้าวล่วงสถาบัน และการจัดตั้งรัฐไทยใหม่ ล้มล้างการปกครอง นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียงของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการเผยแพร่ล่าสุด เพื่อนำมายืนยันต่อศาลว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาล ต้องการล้มล้างการปกครองจริง และผู้ร้องไม่จินตนาการไปเอง
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตทนายความพรรคพลังประชาชน มั่นใจว่า คลิปเสียงของนายสมศักดิ์จะไม่มีผลต่อคดีนี้ ส่วนอำนาจของประธานสภาฯ ในการวินิจฉัยว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์เองยืนยันว่า จะใช้รูปแบบการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ขณะเดียวกัน ข้อกล่าวหาของผู้ร้องยังไม่เกิดขึ้น และไม่เข้าองค์ประกอบของรัฐธรรมนูญ มาตรา 28 วรรคสอง
ส่วนนายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่า คลิปเสียงของประธานสภาฯ ไม่น่าจะนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาครั้งนี้ได้ เนื่องจากศาลได้พิจารณาให้ส่งพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้วก่อนหน้านี้ แต่ถ้ามีการแถลงในวันนี้เพื่อขอให้นำคลิปเสียงมาใช้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล