การไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้องปากแรกคือ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา ได้เริ่มเวลาประมาณ 10.15 น. โดยมีการอ้างถึงหลักฐานประกอบไปด้วยเอกสารที่ยื่นต่ออัยการสูงสุด แผ่นดีวีดีที่สื่อถึงการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้ศาลได้ให้นายวัฒนา เซ่งไพเราะ ในฐานะผู้แทนของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ผู้ถูกร้อง ซักถามประเด็นการประชุมแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 1 และ 2 รวมทั้งการที่ พล.อ.สมเจตน์ ได้เป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของวุฒิสภามาตั้งแต่แรก
โดย พล.อ.สมเจตน์ กล่าวแย้งว่า ได้คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ต้น เพราะเห็นว่าเป็นการปกปิดอำพรางไม่ต่างกับการปฏิวัติ ส่วนที่ต้องทำหน้ากรรมาธิการเป็นไปตามกระบวนการเท่านั้น
ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตทนายความพรรคพลังประชาชน ได้ซักถามถึงเหตุผลในคำร้องดังกล่าว ทั้งที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่เกิดขึ้น ซึ่ง พล.อ.สมเจตน์ ชี้แจงว่า เป็นการดูจากพฤติกรรมของสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนายอดิศร เพียงเกษ ที่เคยให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ต้องการให้เป็นสัญลักษณ์
ทั้งนี้ศาลได้ให้นายวัฒนา เซ่งไพเราะ ในฐานะผู้แทนของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ผู้ถูกร้อง ซักถามประเด็นการประชุมแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 1 และ 2 รวมทั้งการที่ พล.อ.สมเจตน์ ได้เป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของวุฒิสภามาตั้งแต่แรก
โดย พล.อ.สมเจตน์ กล่าวแย้งว่า ได้คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ต้น เพราะเห็นว่าเป็นการปกปิดอำพรางไม่ต่างกับการปฏิวัติ ส่วนที่ต้องทำหน้ากรรมาธิการเป็นไปตามกระบวนการเท่านั้น
ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตทนายความพรรคพลังประชาชน ได้ซักถามถึงเหตุผลในคำร้องดังกล่าว ทั้งที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่เกิดขึ้น ซึ่ง พล.อ.สมเจตน์ ชี้แจงว่า เป็นการดูจากพฤติกรรมของสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนายอดิศร เพียงเกษ ที่เคยให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ต้องการให้เป็นสัญลักษณ์
