“ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์” ชี้แจงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 แก้ไขได้ แต่ไม่สามารถทำใหม่ได้ เพราะขัดเจตนารมณ์ชัดเจน และมาตราที่เกี่ยวกับสถาบัน ไม่ได้มีแค่มาตรา 1 และ 2 อีกทั้งผู้เสนอร่างบางคน เคยข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการล้มล้างสถาบัน ที่เกี่ยวข้องคนในรัฐบาล ส่วนการตั้ง ส.ส.ร.ต้องผ่านสภาเพื่อตรวจสอบ ประธานสภาตัดสินใจเองไม่ได้ เผยจากคลิป ชัดเจน “ทักษิณ” อยู่เบื้องหลัง “วัฒนา” สวนหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ “ชูศักดิ์” อ้าง “ล้มล้าง” กับ “ยกเลิก” ต่างกัน ย้อนถาม “วิรัตน์” ก็เคยร่วมในกรรมาธิการ เจ้าตัว ตอกกลับ เข้าร่วมเพื่อมาตีแผ่
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา และทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้องที่ 3 ในการพิจารณาไต่สวนคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ โดย นายวิรัตน์ ได้กล่าวต่อศาลว่า การที่คณะรัฐมนตรียื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการมุ่งล้มล้างประชาธิปไตย ขัดกับหลักเจตนารมณ์ใน มาตรา 291 ซึ่งบัญญัติชัดเจนว่า สามารถแก้ไขเท่านั้นไม่สามารถทำใหม่ได้ พร้อมระบุว่า แม้ร่างที่รัฐบาลนำเสนอ จะไม่เตะมาตรา 1 และ 2 ในหมวดพระมหากษัตริย์ แต่ก็ยังมีอีกหลายมาตราที่อยู่ในพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ อีกทั้งผู้เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญบางท่าน ได้เคยแสดงความเห็นถึงการที่จะยุบศาลตุลาการ องค์กรอิสระ รวมไปถึงการยกเลิกคดีความต่างๆ
ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวต่อไปว่า มาตรา 291 มีบทบัญญัติให้แก้ตามหลักเกณฑ์ การจัดตั้ง ส.ส.ร.ชุดใหม่ ที่ดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องผ่านกระบวนการทางรัฐสภา มีการตรวจสอบ จะให้ประธานสภา ตัดสินผู้เดียวไม่ได้ เพราะจะขัดกับรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน ยังมีขบวนการทั้งในและนอกสภา ทีมีความพยายามล้มล้างสถาบัน โดยได้ยกตัวอย่าง ทั้งจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมไปถึงกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีคดีความจาบจ้วงสถาบัน ทำให้ขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ให้เทิดทูนสถาบัน
นายวิรัตน์ ยังกล่าวถึงคลิปเสียงของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา โดยอ้างอิง ไปถึง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ได้ยอมรับว่า คลิปเสียงดังกล่าวเป็นของจริงนั้น แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นผู้ต้องหาหนีคดี เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง พ.ร.บ.ปรองดอง โดยให้เหตุผลว่า การยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 ใช้ระยะเวลาเป็นปี เลยต้องใช้ พ.ร.บ.ปรองดอง เพื่อให้ยกเลิกกฎหมาย
ด้าน นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประจำตัว นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 ได้กล่าวต่อศาล ว่า เอกสารที่ นายวิรัตน์ นำเสนอนั้น ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นเอกสารจากทั้งหนังสือพิมพ์ ที่ยังไม่ยืนยันสำเนาถูกต้อง และหลักฐานจากอินเทอร์เน็ต ยังตรวจสอบไม่ได้
ส่วน นายชูศักดิ์ ศิรินิล พยานฝ่ายผู้ถูกร้อง ได้กล่าวว่า รัฐบาลต้องการแก้มาตรา 291 เพื่อให้เกิดเป็นกฎหมาย โดยรักษารัฐธรรมนูญปี 50 ไว้เหมือนเดิม เพียงแต่เพิ่มเป็นฉบับแก้ไขที่ 3 เท่านั้น ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ล้มล้างการปกครอง ซึ่งคำว่า “ล้มล้าง” กับ “ยกเลิก” แตกต่างกันตามกฎหมาย เพราะล้มล้าง หมายถึงคนที่ทำการปฏิวัติรัฐประหาร
ขณะเดียวกัน นายชูศักดิ์ ได้ย้อนถาม นายวิรัตน์ ว่า มีส่วนร่วมเป็นกรรมการวิสามัญร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งวาระที่ 1 และ 2 แต่ก็ได้ถอนตัวออกไป ซึ่งทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ให้เหตุผลว่า ที่ต้องเข้าร่วม เพราะไม่เห็นด้วย และไม่อยากนิ่งเฉย และเข้าร่วมเพื่อไปตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่า การตั้ง ส.ส.ร.ไม่ชอบตั้งแต่ต้น เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอย่างชัดเจน และการที่ให้ประธานรัฐสภา เป็นผู้วินิจฉัยเพียงผู้เดียวก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เป็นการใช้เสียงข้างมากลากไป จึงต้องการตีแผ่เรื่องให้สังคมได้รับรู้ และใช้ทุกขบวนการในกฎหมายเพื่อยับยั้ง รวมไปถึงการฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ