“ณัฐวุฒิ” ประกาศสู้ทุกรูปแบบหากศาลฯ วินิจฉัยการแก้ รธน.เป็นการล้มล้างการปกครอง อ้างศาลฯ กระทำการขัด รธน. ตั้งแต่เริ่มรับคดี ขู่หากตัดสินให้รัฐบาลผิดเท่ากับต้อนประชาชนยืนข้างรัฐบาล แนะอย่ายุบสภา ให้เดินหน้าสู้ โวยพยานล้วนขาประจำ ยืนยันวันวินิจฉัยคดีให้สมุนแดงอยู่ ณ ที่ตั้ง ไม่ไปชุมนุมกดดัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้สัมภาษณ์"
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมว.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า ในวันที่ 5-6 ก.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการไต่สวนทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องในคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ ฝ่ายที่มีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงก็ต้องทำตามหน้าที่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้เตรียมการอะไรมากมาย แค่พูดความจริงให้ชัดเจนว่ากระบวนการการแก้ไขรับธรรมนูญครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย เพราะเป็นการทำตามนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
ทั้งนี้ ยิ่งใกล้วันไต่ส่วนตนยิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่า ประชาชนทั้งประเทศจะได้เห็นความจริงทั้งหมด และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะเลือกยืนข้างรัฐบาล ยืนข้างความถูกต้องตามกฎกติกาของบ้านเมือง เพื่อทำให้บ้านเมืองนี้มีทางรอด เพราะหากคนในสังคมยอมก้มหัวให้กับอำนาจนอกกติกา วิกฤตที่มีอยู่แล้วก็จะเป็นวิกฤตที่ไร้ทางออก
ส่วนหากผลการไต่ส่วนออกมาปรากฏว่าเป็นไปในทางลบจะดำเนินการอย่างไรนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนยืนยันมาตลอดว่าปัญหาใหญ่ของเรื่องนี้คือศาลรัฐธรรมนูญได้ทำในสิ่งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น กระบวนการต่างๆ ที่ผ่านมา ตั้งแต่ศาลได้รับเรื่องไว้พิจารณาและออกคำสั่ง จนกระทั่งนำมาซึ่งการไต่สวนและวินิจฉัย ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ซึ่งเราคงต้องมีกระบวนการต่อสู้กันทั้งในทางกฎหมายและในทางอื่นตามช่องทางที่เปิดให้ทำได้ อย่างไรก็ตาม หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าศาลและกระบวนการที่อยู่เบื้องหลัง ได้ต้อนเอาประชาชนที่รักความถูกต้องรักความยุติธรรมทั้งประเทศมายืนข้างรัฐบาล เชื่อว่ารัฐบาลจะเข้มแข็งขึ้นไม่ว่าผลตัดสินจะออกมาเป็นบวกหรือลบก็ตาม
ส่วนในวันที่ 5-6 ก.ค.นี้ที่ศาลจะไต่สวนนั้น กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปชุมนุมกดดันศาลหรือไม่นั้นคงไม่ต้องไปดีกว่า ให้ติดตามสถานการณ์จากสื่อต่างๆ ซึ่งแกนนำ นปช.จะรวมตัวกันที่อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว หากมีความจำเป็นก็อาจจะมีการแถลงข่าวเป็นระยะ พี่น้องกลุ่มคนเสื้อแดงก็สามารถไปติดตามกันได้ที่นั่น
“หากดูรายชื่อทั้งผู้ร้องและพยานที่อ้าง ล้วนแต่เป็นกลุ่มคนพวกเดียวกันทั้งสิ้น บางคนก็ถอนตัวไป บางคนก็ออกหน้าเกินความสมควร ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเพิ่มพยานขึ้นมาอีก ซึ่งรายชื่อพยานที่เพิ่มมานั้น เช่น นายสุรพล นิติไกรพจน์ นายแก้วสรร อติโพธิ ล้วนแล้วเป็นคนหน้าเดิมที่ขึ้นเวทีโค่นอำนาจอธิปไตยของประชาชนมาแล้วทั้งนั้น น่าสังเวชว่าพรรคการเมืองบางพรรคจะมีส้มหล่นจากสถานการณ์นี้อีก ผมเกรงว่าอาจจะไม่ใช่ส้มแต่จะเป็นทุเรียนทั้งลูกที่หล่น เพราะไม่มีประชาชนคนใดรับได้” นายณัฐวุฒิกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถจะคานอำนาจกันได้รัฐบาลควรที่ยุบสภาหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า รัฐบาลต้องรักษาอำนาจอธิปไตยของประชาชนไว้อย่างมั่นคง รัฐสภา รัฐบาลต้องเดินหน้า ถ้ายอมแพ้ง่ายๆ เท่ากับว่าเอาอำนาจอธิปไตยของประชาชนมาเส้นสังเวยกับอำนาจนอกระบบ ตนคิดว่าเราต้องยืนเคียงข้างกัน
ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเราซื้อประชาธิปไตยด้วยราคาที่แพงมาก เพราะมีการเลือกตั้งใหม่หลายครั้ง ตนเห็นว่าพวกที่คิดคือคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้างกับระบอบประชาธิปไตย เพราะค่าใช้จ่ายทั้งงบประมาณ ชีวิต และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของประเทศ เกิดขึ้นจากขบวนการเหล่านี้ทั้งสิ้น หากเราเคารพในการใช้อำนาจของประชาชน สถานการณ์จะไม่เลยมาถึงขั้นนี้ ยืนยันว่าเราไม่ได้ตั้งพรรคใหม่แน่นอน มีแต่พรรคเพื่อไทยตัวจริงชัดเจน ยืนอยู่ข้างประชาชน ตนมั่นใจว่าประชาชนจะสนับสนุนอย่างมหาศาล และใครก็ตามที่จะโค่นล้มรัฐบาล จะยิ่งได้รับการต่อต้านจากประชาชนแน่ เพราะวิธีการที่ทำมันไม่ถูกต้อง