“ชวนนท์” ปรี๊ด “รัฐบาลปู” โยนผิด “รัฐบาลมาร์ค” เปิดทางนาซาใช้อู่ตะเภา แล้วมาขวางตอนเป็นฝ่ายค้าน ระบุรัฐบาลชุดที่แล้วแค่อยู่ในขั้นประสานงานระดับเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาสวมสิทธิ์ดำเนินการ แต่ไร้ความจริงใจ ไม่โปร่งใส ปกปิด บิดเบือนข้อมูล จนสังคมไม่วางใจ ทำพังกับมือแล้วมาโทษคนอื่น ระบุเว็บไซต์ทั่วโลกวิจารณ์แซด นายกฯ ไทย ขาดภาวะผู้นำ ทำโครงการล้ม
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิรัฐบาลว่าจงใจไม่ทำให้โครงการสำรวจสภาพภูมิอากาศของนาซาเกิดขึ้น เพราะหากจริงใจรัฐบาลสามารถขอเปิดประชุมสภาเพื่อพิจารณาโครงการได้ในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า เพราะอยู่ในวิสัยที่ทำได้ทัน แต่เลือกที่จะไม่ทำและเลือกให้เปิดอภิปรายทั่วไปต้นเดือนสิงหาคม เพื่อทำให้เป็นเรื่องการเมือง เมื่อไม่ทันตามนาซากำหนดก็โยนให้เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายค้าน โดยอ้างว่าโครงการนี้ริเริ่มโดยฝ่ายค้านแต่กลับมาคัดค้ดค้าน ตีรวน พร้อมพยายามอ้างว่าบันทึกระหว่างจิสดา และนาซา มีจุดเริ่มต้นมาจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ แต่ในข้อเท็จจริงแล้วเป็นบันทึกที่อยู่ในชั้นของความตกลงที่เบาบางมากไม่เท่ากับเอ็มโอยู และในเนื้อหาไม่มีการพูดถึงโครงการสำรวจสภาพภูมิอากาศและไม่มีเรื่องการใช้สนามบินอู่ตะเภา พูดแต่ข้อตกลงทั่วๆ ไป เช่นแลกเปลี่ยนข้อมูล ส่งเสริมวิชาการ บุคคลากร ความรู้ทั่วๆ ไป ที่ผ่านมาหน่วยราชการไทยได้มีการลงนามกับต่างประเทศในลักษณะนี้ ปีละเป็นร้อยเป็นพันเรื่องโดยไม่เกี่ยวกับงบประมาณ อธิปไตยหรือ ความมั่นคง คือไม่ต้องเข้า มาตรา 197 และไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพราะไม่มีผลผูกพันใดๆ
ทั้งนี้ นายชวนนท์ยังได้ได้แจกแจงที่มาของโครงการ SEAC4RS เริ่มต้นในปลายสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2554 โดยจุดเริ่มต้นสถานทูตสหรัฐอเมริกา ได้ส่งหนังสือมายังกระทรวงการต่างประเทศ ขอนัดประชุมร่วมกับหน่วยงานไทย เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ กองทัพเรือ กองทัพอากาศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำของโครงการนาซาให้หน่วยราชการไทยได้รู้จักเท่านั้น
จากนั้นวันที่ 27 พ.ค. 2554 สหรัฐอเมริกาได้ส่งรายละเอียดของโครงการว่าเป็นอย่างไรและต้องการเข้ามาทำอะไร ซึ่งทางกระทรวงต่างประเทศได้เรียกประชุมหารือหน่วยงานต่างๆ และมีหนังสือแจ้งกลับไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2544 โดยมีคำถามต่างๆ เพื่อให้อเมริกาได้ชี้แจง เช่น 1. ขอให้ส่งรายงานผลสำรวจโครงการที่คล้ายคลึงกันในประเทศทวีปอเมริกาใต้ และขอทราบความขัดข้องของการดำเนินโครงการในประเทศดังกล่าว ทั้งแง่มุมการเมือง ความมั่นคง ช่วงดำเนินโครงการ และผลประโยชน์ที่ประเทศต่างๆ ได้รับ 2. รายละเอียดชนิดข้อมูลที่ได้มาจากประเทศเหล่านั้น ภายใต้การสำรวจสภาวะภูมิอากาศแบบเดียวกัน 3. รายละเอียดเครื่องไม้ เครื่องมือ อุปกรณ์และเทคนิค รายชื่อเครื่องมือและวิธีการตรวจสอบ และ 4. ขอให้มีการเจรจาระหว่างสหรัฐอมเริกากับประเทศเพื่อนบ้านไทย ที่ดอาจจะมีส่วนหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า โครงการนี้ไม่ได้เริ่มในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ เป็นเพียงการประสานงานระดับเจ้าหน้าที่ และไม่เกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างจิสดากับนาซา และเรื่องไม่ได้ถูกเสนอขึ้นมาถึงผู้บริหารเพราะอยู่ระหว่างการแลกเปลี่ยนข้อข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น จากนั้นรัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาสวมสิทธิ์โครงการ ตนเชื่อว่าหน่วยงานมีความโปร่งใส และรัฐมนตรีต้องรับทราบมาตลอดว่าข้อมูลอยู่ที่ไหน ทางสหรัฐฯ ตอบกลับมาว่าอย่างไร ทำไมไม่ออกมาอธิบายถึงคำถามเหล่านี้ ทางสหรัฐฯ มีคำตอบหรือยัง และเมื่อทราบว่าต้องใช้สนามบินอู่ตะเภา จึงเป็นจุดเปลี่ยนว่าทำไมเรื่องถึงกระทบกับอธิปไตย และต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภา สิ่งที่ล้มเลวพังไปจะโทษใครไม่ได้นอกจากรัฐบาลเอง โดยฝ่ายบริหารทำให้มีปัญหาเพราะพยายามปกปิดบิดเบือนโครงการ เอาการเมืองมาแทรกแซงเจ้าหน้าที่ เพราะไม่จริงใจที่จะบอกความจริงกับประชาชน ตนตั้งข้อสงสัยว่าที่ไม่เปิดเผยเพราะสหรัฐตอบไม่ได้ หรือยังไม่ได้ตอบ และจำเป็นต้องเร่งด่วนเพื่อดำเนินการ จึงต้องปิด ทั้งที่ไม่มีอะไรเป็นเงื่อนงำเลย ถ้าไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนประชาชนตั้งข้อสงสัย
“นอกจากนี้ จากที่ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่านาซาไม่มีความสัมพันธ์ทวิภาคีกับจีน หรือถูกแบน แสดงว่ารัฐมนตรีบางคนพูดความจริงไม่หมด เราไม่มีเจตนาขัดขวางงานด้านวิทยาการ แต่รัฐบาลต่างหากที่เล่นเกมการเมืองทำให้ชาติเสียหาย ทำเรื่องโปร่งใสให้เป็นเรื่องสกปก ทำผลประโยชน์ของชาติให้เป็นผลประโยชน์ส่วนตัว ต้องประณาม และขณะนี้เว็บไซต์ทั่วโลกได้วิจารณ์ว่าโครงการนี้ล้มเพราะรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้นำในการตัดสินใจ และการทำความเข้าใจกับสาธารณชนกับประเทศตัวเอง ไร้ฝีมือ ทำชาติเสียประโยชน์ แล้วมาโทษฝ่ายค้าน รัฐบาลนี้สำรวจเมฆไม่ได้เพราะยกเมฆในการชี้แจงมาตลอด และผมยินดีที่จะชี้แจงทุกเวทีเพื่อไม่ให้สังคมสับสน”
