xs
xsm
sm
md
lg

มรสุมรุมเร้ารัฐบาลปู ศึกนอก-ศึกในประชิดก่อนสิ้นปีเอาไม่อยู่ !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

คำพูดของ สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ออกมาวิเคราะห์รัฐบาลของตัวเองว่าไม่น่าจะอยู่เกินสิ้นปี เพราะต้องกับปัญหาหนักๆ หลายเรื่องเข้ามาพร้อมๆ กัน ทำให้รอดยาก

อย่างไรก็ดี แม้ว่าหากพิจารณากันในเนื้อหาบางตอนอาจเป็นการสะท้อนความรู้สึกอัดอั้นภายในใจออกมาบางอย่าง เหมือนกับรับรู้ชะตากรรมว่าตัวเองจะต้องถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการค่อนข้างแน่ เพราะได้ออกตัวไว้แล้วว่าเป้าหมายของตัวเองก็แค่นั่งเก้าอี้ตัวนี้แค่ 1 ปี และขอเกษียณทางการเมืองเมื่ออายุ 60 ปี

ขณะเดียวกัน ถ้ามองในมุมของคนที่รู้ซึ้งว่าใครที่กำลังจะหมดลมหายใจก็ย่อมจะพูดความจริงเสมอ กรณีของสุชาติก็เหมือนกันรู้ว่าตัวเองต้องไปแน่ แต่ก่อนไปก็ขอพูดความจริงสะท้อนออกมาให้คนอื่นได้เห็นบ้าง

ทั้งที่จะว่าไปแล้วการประเมินและคำพูดของ เขานั้นก็สอดคล้องกับปรากฏการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน หรือไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งปัญหาเฉพาะหน้าที่กำลังเผชิญ ที่สำคัญกำลังกลายเป็นว่ารัฐบาลและคนที่เป็นเจ้าของ คือ ทักษิณ ชินวัตร ไม่อาจควบคุมได้เสียด้วย ทำให้น่าเป็นห่วง

พิจารณากันเฉพาะเรื่องเฉพาะหน้าที่เป็นเรื่องใหญ่ก่อน นั่นคือ เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ซึ่งหากว่ากันตามหลักการแล้วการรับคำร้องถือว่า “ห้าสิบห้าสิบ” แล้ว ในวงการเขาเรียกว่า “มีมูล” น่าหวาดเสียวนัก และนี่แหละที่บอกว่ามันเริ่มอยู่เหนือการควบคุมแล้ว

ตามกระบวนการก็ใช้เวลาไม่นาน นั่นคือ ศาลให้ฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องต้องมาชี้แจงภายในวันที่ 5 และ 6 กรกฎาคมตามลำดับ และต้องมาด้วยตัวเอง จากนั้นก็เชื่อว่าคงใช้เวลาในการพิจารณาชี้ขาดไม่เกินเดือนสิงหาคม

สิ่งที่บอกว่าเป็นวิกฤตสำหรับรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยก็คือ สังเกตเห็นได้จากปฏิกิริยาตอบโต้จากฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายทักษิณ ชินวัตร ที่เคลื่อนไหวโจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างหนัก เน้นไปที่การทำลายความชอบธรรมเป็นหลักแทนที่จะหาทางแก้ต่าง ซึ่งแม้แต่ประธานศาลรัฐธรรมนูญ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ยังออกปากว่ายังไม่เห็นแบบนี้มาก่อนตั้งแต่อยู่ในวงการกฎหมายนานกว่า 30 ปี

ขณะเดียวกันยังสังเกตเห็นมีการระดมมวลชนในต่างจังหวัดเพื่อร่วมเคลื่อนไหวกดดันข่มขู่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแบบเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาการแบบนี้มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากรับรู้ว่าผลที่กำลังออกมาในวันหน้าจะส่งผลกระทบกับตัวเองอย่างใหญ่หลวง เพราะถ้าผลออกมาตามที่ “ผู้ร้อง” ยื่นต่อศาล ทุกอย่างมันก็จบเห่ มีผลกระทบต่อเนื่องที่ไม่อยากจะคิด เพราะยังมีเรื่องคดีอาญาพ่วงตามมาเป็นพรวน ทั้งยุบพรรค ทั้งคุกกันระนาว

แต่ถ้าผ่านเรื่องใหญ่ดังกล่าวนี้ไปได้ ก็ต้องเจอกับศึกนอกที่ประชิดเข้ามาอย่างน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ ผลกระทบจากวิกฤติยูโรโซนที่เวลานี้กำลังลุกลามเหมือนกับโดมิโน ล่าสุดสเปนกำลังทรุดหนัก และไม่กี่ชั่วโมงก่อนไซปรัสก็ขอความช่วยเหลือทางด้านการเงิน น่าหวั่นไหวแค่ไหนก็ลองพิจารณาจากการตื่นตัวของรัฐบาลที่มีการเรียกประชุม 9 กระทรวงเศรษฐกิจเพื่อวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์กันเป็นวันๆ รวมทั้งมีการออก 10 มาตรการรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยมี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นหัวหน้าทีมคอยมอนิเตอร์ไม่ห่าง

นี่คือสองศึกหนักที่ควบคุมไม่ได้ ต้องหาทางผ่อนหนักให้เป็นเบาได้อย่างเดียว ขณะเดียวกันในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้ากำลังเข้าสู่ฤดูมรสุม มีการพยากรณ์อากาศว่าในปีนี้จะมีปริมาณพายุพัดเข้ามามากกว่าปีก่อน กรมอุตุนิยมวิทยาเพิ่งแถลงว่าปริมาณน้ำฝนสะสมในปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีปริมาณมาก มันก็ยิ่งผวา เพราะยังสยดสยองจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วไม่หาย เงินชดเชยยังได้ไม่ครบ อย่างไรก็ดีเรื่องภัยธรรมชาติแม้ว่าจะเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อรับรู้ล่วงหน้าก็สามารถบรรเทารับมือได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายรัฐบาลเตรียมการณ์ไว้พร้อมแค่ไหน และที่สำคัญคนที่สั่งการแก้ปัญหามีกึ๋นพอหรือไม่

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นจุดพลิกผันอยู่ที่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี่แหละว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดออกมาอย่างไร แต่เมื่อดูจากอาการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย รัฐบาล และมวลชนคนเสื้อแดงที่ระดมกันเข้ามามันก็เหมือนเป็นคำตอบออกมาล่วงหน้าแล้วว่าผลจะออกมาแบบไหน

ดังนั้น คำพูดของ สุชาติ ธาดาธำรงเวช ก็สอดคล้องกับความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น และช่วยไม่ได้ที่ทำให้พวกเดียวกันเกิดอารมณ์ฉุนเฉียว เพราะทำให้ “ขวัญเสีย” รวนกันไปหมด แต่เมื่อประเมินแล้วดันเป็นเรื่องจริงเสียด้วยสิ!!
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
สุชาติ ธาดาธำรงเวช
กำลังโหลดความคิดเห็น