“อภิสิทธิ์” เรียกร้องรัฐบาลแจงผลกระทบที่ไทยจะได้รับจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปให้ชัด สร้างภูมิคุ้มกันประเทศ พร้อมแนะฟื้น กรอ.แลกเปลี่ยนภาคเอกชน รับห่วงเศรษฐกิจไทยในมือ “กิตติรัตน์” เตือนให้ยอมรับความจริงแทนสร้างภาพ ฉะไม่เคยมียุคใดที่นโยบายรัฐบาลจะกลายเป็นปัญหาเสียเอง ยกโครงการจำนำ ล้มเหลว แก้ปัญหามั่วฉุดราคาสินค้าเกษตร ขณะเดียวกัน จี้ “สุรพงษ์” ชี้แจงให้สหรัฐฯ ใช้อู่ตระเภา หวั่นมิตรประเทศหวาดระแวง เล็งใจเวที กมธ.งบฯ ตรวจสอบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมทีมเศรษฐกิจเพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปของรัฐบาลว่า แม้จะตื่นตัวในเรื่องนี้ช้าไป แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย โดยอยากให้เตรียมการรับมือเรื่องผลกระทบทางการเงิน อัตราแลกเปลี่ยน หรือผลกระทบเรื่องการส่งออก โดยต้องแจกแจงประเด็นที่ไทยจะได้รับผลกระทบให้ชัดเจนมากกว่าการติดตามเฉยๆ เพราะวิกฤตเศรษญกิจยุโรปจะอยู่กับไทยอีกระยะหนึ่ง ทั้งในเรื่องหนี้สิน ธนาคาร และกำลังซื้อ จึงไม่อยากให้รัฐบาลประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่โดยลำพัง ภาคเอกชนเองก็มีความกังวลในเรื่องนี้ ซึ่งตนเคยเสนอหลายครั้งแล้วว่ารัฐบาลควรจะฟื้นการประชุมร่วมภาครัฐเอกชน หรือ กรอ. เพื่อใช้เป็นกลไกในการแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งควรทำอย่างเป็นระบบทั้งในระดับชาติและในระดับจังหวัด แต่รัฐบาลก็ไม่ทำ โดยจะใช้เฉพาะตอนที่มีการประชุมครม.สัญจรให้พื้นที่เสนอโครงการเท่านั้น แต่ไม่ได้ทำในเชิงเศรษฐกิจภาพรวมที่จะมีการแลกปลี่ยนข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจระหว่างรัฐและเอกชน เนื่องจากมีนโยบายของรัฐบาลที่ส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนในเรื่องต้นทุนด้วย ทั้งเรื่องค่าแรง พลังงาน จึงควรต้องแลกเปลี่ยนกัน ทั้งนี้ยังต้องดูความรุนแรงของสภาพปัญหาในยุโรปด้วย แต่เบื้องต้นต้องประเมินได้แล้วว่าความเสี่ยงของระบบการเงิน ธนาคาร และการส่งออก ป้องกันอย่างไร เพราะตนมั่นใจว่าผลกระทบเกิดขึ้นแล้วจึงต้องมีการประเมินตัวเลขออกมา
“รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับความจริงแทนที่จะเน้นในเรื่องการสร้างภาพ เพราะการทำให้เกิดความเชื่อมันที่ดีที่สุด คือ การให้ความจริงเนื่องจากหากสภาพความเป็นจริงไม่สอดคล้องกับที่รัฐบาลพูด จะยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นมากกว่า ซึ่งรัฐบาลก็มีบทเรียนจากเรื่องของแพงมาแล้ว โดยรัฐบาลปฏิเสธปัญหามาโดยตลอด มาแก้ตอนที่สายเกินไป จึงยังเป็นปัญหาอยู่จนถึงทุกวันนี้ และผมก็คิดว่านายกิตติรัตน์เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก็ต้องรับผิดชอบ แต่อยากเห็นการทำงานออกมาเป็นระบบการเงินการคลังว่าอย่างไร การค้าว่าอย่างไร และมีความเสี่ยงด้านใดบ้าง ซึ่งผมก็บอกตรงๆ ว่ามีความเป็นห่วงที่จะฝากเศรษฐกิจไทยไว้ในมือของนายกิตติรัตน์ เพราะที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ไม่ยอมรับความจริงในหลายเรื่องในเชิงนโยบายจนเกิดความสับสนไปหมด เช่น ปัญหาพืชผลการเกษตร ไม่เคยมียุคไหนที่นโยบายรัฐกลายเป็นปัญหาเสียเอง ทั้งโครงการนำจำข้าว มันสำปะหลัง ส่วนการแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นมะพร้าว ปาล์ม ยางพารา รัฐก็มีมาตรการที่ทำให้ได้รับผลกระทบแทนที่จะแก้ปัญหา”
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างไทย-สหรัฐในการใช้ประโยชน์จากสนามบินอู่ตะเภา เพราะหากทุกอย่างเป็นไปตามที่รัฐบาลชี้แจงว่ามีโครงการขอบเขตการดำเนินการชัดเจนในเรื่องการเก็บการศึกษาต่างๆ ก็ควรเปิดเผยเพื่อความโปร่งใส เพราะไม่มีผลกระทบเรื่องความมั่นคง แต่ความไม่ชัดเจนจะยิ่งทำให้เกิดความหวาดระแวง จนกลายเป็นปัญหาได้ทั้งในหมู่คนไทยและมิตรประเทศในภูมิภาคนี้ด้วย
นอกจากนี้ การที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ เดินทางไปสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลานี้ก็ต้องให้ความชัดเจนต่อสังคมว่ามีความเชื่อมโยงกับเรื่องนี้หรือไม่ โดยเห็นว่า รมว.กลาโหม และ รมว.ต่างประเทศควรจะให้ข้อมูลต่อสาธารณะเพื่อให้เกิดความชัดเจน ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะใช้เวทีของกรรมาธิการงบประมาณติดตามในเรื่องนี้เพื่อตรวจสอบต่อไป
