xs
xsm
sm
md
lg

“เฉลิม”โทษสื่อฟังผิด ไม่เชื่อ“สุชาติ”บอกรัฐบาลใกล้ล่ม-ยอ"ปู"แกร่งเทียบ"แทตเชอร์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง (แฟ้มภาพ)
“เฉลิม” ไม่เชื่อ “สุชาติ” ทำนายรัฐบาลพังก่อนสิ้นปี โทษสื่อตีความผิด มั่นใจถ้าไม่มีคอร์รัปชันอยู่ยาว ยก “ปู” แข็งแกร่งเทียบ"มากาเร็ต แทตเชอร์"ไม่เสียขวัญกับคำพูดนี้ เชียร์นำคดี “อีสต์วอเตอร์-บีทีเอส” เข้าเป็นคดีพิเศษ ให้ดีเอสไอสอบ อ้างเป็นเรื่องใหญ่ เหน็บ ปชป.หากไม่ผิดจะเต้นทำไม


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง " ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ให้สัมภาษณ์" 

วันที่ 27 มิ.ย. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ออกมาให้ความเห็นว่ารัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ถึงปีเพราะมีปัญหารุมเร้าค่อนข้างมากว่า คงไม่โต้แย้งด้วยเพราะเป็นมุมมองของนายสุชาติ ส่วนตัวมองว่าหากไม่มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชันอยู่ครบเทอมแน่ เพราะคงจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ ไม่ได้ เนื่องจากประชาชนไม่ยอมรับ พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งมา 265 ที่นั่ง แต่ยอมรับว่าการบริหารบ้านเมืองไม่ราบเรียบ มีอุปสรรคบ้าง แต่ก็มองไม่เห็นปัจจัยใดที่รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ค้านอย่างกรณีองค์การนาซาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาก็คงเสียรังวัดอีกมาก รอบหน้าก็คงได้ ส.ส.น้อยกว่านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเห็นของนายสุชาติอาจทำให้ภายในพรรคเพื่อไทยเสียขวัญได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวยืนยันว่า คงไม่มีใครเสียขวัญแน่ โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากนางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

ผู้สื่อข่าวถามว่าอาจเป็นเพราะมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี ทำให้นายสุชาติพยายามออกมาแสดงบทบาท ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธที่ตอบคำถาม โดยกล่าวว่าตนไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่แจ้งให้ทราบ และก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องแจ้งให้ใครทราบล่วงหน้าด้วย ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิมยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ผู้สื่อข่าวอาจตีความคำพูดของนายสุชาติคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงด้วย

“ท่านพูดเองหรือนักข่าวฟังผิด อาจจะฟังผิดหรือเปล่า ผมอยู่ในการเมืองมานาน ยังมองไม่เห็นปัจจัยไหนที่จะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม เว้นแต่มทีการทุจริต ถ้าไม่ทุจริตไม่มีปัญหาแน่ ส่วนฝ่ายค้านหากยังขัดขาอย่างนี้รอบหน้าคงเหลือน้อยหน่อย พรรคเพื่อไทยก็คงได้ราว 300 เสียง”

ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามเคลื่อนไหวคัดค้านไม่ให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) นำกรณีเงินบริจาคศูนย์ประสบภัยน้ำท่วมของบริษัท อีสต์ วอเตอร์ ที่บริจาคผ่านพรรคประชาธิปัตย์ และกรณีกรุงเทพมหานคร (กทม.) ต่อสัญญาจ้างบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มหาชน (บีทีเอส) เดินรถไฟฟ้าเป็นเวลา 30 ปี บรรจุเข้าเป็นคดีพิเศษ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการว่า เป็นเพียงแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ ที่หากไม่ผิดก็ไม่ควรกังวลว่าใครจะเป็นผู้สอบสวน เพราะเรื่องใหญ่ๆ ดีเอสไอจะมีความพร้อมมากกว่าตำรวจท้องที่ ส่วนจะเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่นั้นยังไม่ทราบ ต้องรอดูการเสนอในที่ประชุม ก.ค.พ.อีกครั้ง หากเข้าหลักเกณฑ์ว่าเป็นคดีพิเศษได้ก็ต้องรับ

“ต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ค่อนข้างแข็งแรงในด้านกฎหมาย สมัยเป็นรัฐบาลก็วางรากฐานไว้เยอะ ถ้าใช้ดีเอสไอสอบจะเหมาะกว่า เพราะกรณีอีสวอเตอร์ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ที่มีข้อห้ามบริจาคเงินให้พรรคการเมือง แต่เท่าที่ทราบเมื่อพรรคประชาธิปัตย์รับไปแล้วมาร็ตัวทีหลังก็ตกใจ จึงถอนเงินจากพรรคมามอบรัฐบาล”

ส่วนกรณีการต่อสัญญาระหว่าง กทม.กับบีทีเอสนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ยืนยันว่ามีอำนาจในการอนุมัติไม่ใช่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แล้วเรื่องนี้ถือเป็นผลประโยชน์ของชาติเป็นเงินจำนวนมหาศาล สัญญาสัมปทานก็ยังเหลืออยู่ถึง 17 ปี แต่กลับไปต่อสัญญา ในความเห็นส่วนตัวจึงควรให้ดีเอสไอเป็นผู้สอบสวน แต่หากไม่เข้าเกณฑ์ก็ไม่เห็นด้วยที่จะรับพิจารณา

“การต่อสัญญานั้นทำได้ แต่ถึงกำหนดวาระหรือยัง ถ้าคิดว่าทำด้วยความสุจริต สอบสวนอย่างไรกห็ไม่ผิด หากไม่สุจริตก็อาจจะมีปัญหา”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ทางบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) วิสาหกิจของ กทม.ต้องการให้นำเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้พิจารณา เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เมื่อดีเอสไอสอบสวนแล้วเห็นว่าเกี่ยวข้องกับนักการเมืองก็ต้องส่งให้ ป.ป.ช.อยู่แล้ว เบื้องต้นดูแล้วน่าจะเข้าหลักเกณฑ์ที่จะรับเป็นคดีพิเศษ
กำลังโหลดความคิดเห็น