“หัวหน้าประชาธิปัตย์” โบ้ยรัฐล้มโครงการนาซาเอง ถ้าท้วงแล้วยุติทุกเรื่องชาติก็คงไม่วุ่น ชี้หากมั่นใจก็เดินหน้าต่อเปิดสมัยวิฯ ประชุมได้ ซัดรู้เรื่องมาปีกว่า แต่ไม่ใส่ใจเหมือนแก้ รธน. ทำตัวไม่โปร่งใสจนเกิดปัญหา ถาม “สุกำพล” ไม่เกี่ยวความมั่นคง แล้วกลาโหมมายุ่งทำไม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์"
วันนี้ (27 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกล่าวหาฝ่ายค้านทำให้โครงการนาซาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อสำรวจก้อนเมฆต้องเลื่อนออกไป ว่า โครงการนี้ล้มไปเพราะการตัดสินใจของรัฐบาล ไม่ใช่เพราะฝ่ายค้านขัดขวางตามที่พยายามมีการกล่าวหา เพราะหากฝ่ายค้านท้วงติงแล้วรัฐบาลยุติทุกเรื่องก็คงไม่มีปัญหาความวุ่นวายเหมือนในขณะนี้ อีกทั้งหากรัฐบาลมั่นใจว่าโครงการมีประโยชน์ ไม่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความมั่นคง ก็เดินหน้าได้ โดยหากอยากนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาก็สามารถเปิดสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาให้ทันต่อการดำเนินโครงการภายในสิงหาคมได้เช่นเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการขยายสมัยประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งวันทั้งคืน และผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง รัฐบาลก็ทำมาแล้ว แต่กรณีนี้รัฐบาลไม่ได้ใส่ใจที่จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จ โดยขาดความเอาใจใส่ ดำเนินการอย่างล่าช้าทั้งที่รับทราบคำขอของนาซามาตั้งแต่มีนาคม 2554 แสดงให้เห็นว่ามีเวลากว่า 1 ปี แต่รัฐบาลไม่ได้สร้างความเข้าใจที่ดีต่อประชาชน ตรงกันข้ามเมื่อถูกตั้งคำถามจากฝ่ายค้าน นักวิชาการและสว.ที่ตรวจสอบและทักท้วงว่าอาจเกิดปัญหาที่เป็นผลข้างเคียง จึงอยากให้รัฐบาลมีความรอบคอบในการพิจารณา แต่รัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามฝ่ายตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังมีความสับสนในการให้ข้อมูลต่อสาธารณะ ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าโครงการนี้ก่อให้เกิดความไม่สบายใจต่อมิตรประเทศ แม้แต่สื่อมวลชนของสหรัฐอเมริกาก็ยังตั้งข้อสังเกตในการดำเนินโครงการนี้ และเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลที่ขาดความโปร่งใสจนทำให้เกิดปัญหาตามมา
“เราไม่เคยขัดขวางสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และทำทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม การสร้างความร่วมมือด้านงานวิจัยเพื่อเป็นประโยชน์ในทางวิทยาศาสตร์ทำได้หลายรูปแบบ และการพิจารณาถึงประโยชน์จะดูเฉพาะประโยชน์ของโครงการไม่ได้ แต่ต้องพิจารณาประโยชน์ของบ้านเมือง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลกลับนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมืองมากกว่าจะคิดถึงประโยชน์ของบ้านเมือง โดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควรจะไปทบทวนตัวเอง เพราะหากประเทศไทยมีรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ที่ตั้งหน้าตั้งตาทะเลาะกับฝ่ายค้านในทางการเมือง งานด้านวิทยาศาสตร์คงเดินหน้าไม่ได้ เช่นเดียวกับ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่กล่าวโทษฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเพื่อรักษาประโยชน์ของบ้านเมืองก็ควรไปทบทวนตัวเองเช่นเดียวกันในฐานะที่ทำงานด้านความมั่นคงว่า หากโครงการนี้เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว ทำไมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งดูแลงานด้านความมั่นคงจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้คาบเกี่ยวกับความมั่นคง จึงอยากให้รัฐบาลบริหารประเทศโดยให้ความจริงต่อประชาชน ไม่ใช่ใช้ข้ออ้างจากประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ด้านเดียวมาอธิบายต่อประชาชน โดยไม่มีการชี้แจงประเด็นละเอียดอ่อนที่อาจส่งผลกระทบต่ความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ