ที่ประชุม ครม. นายกฯ เผย สำนักนายกฯ-สำนักพระราชวัง ร่วมจัดงานวันแม่ เชิญภาครัฐ และเอกชนร่วมจัดกิจกรรม จี้ “กยน.” ดูความคืบหน้าบริหารจัดการน้ำภายใน 2 เดือน อีกด้าน เห็นชอบหลักเกณฑ์ให้ส่วนราชการ ขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายได้ แต่ต้องเป็นไปตามยุทธศาสตร์ และใช้จ่ายสอดคล้องกับนโยบายรัฐ พร้อมสั่งทุกหน่วยงาน เตรียมมาตรการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งในที่ประชุมว่า ในวันที่ 12 ส.ค.2555 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักพระราชวังจะร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองในหลายกิจกรรม และจะมีการเชิญหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันนำกิจกรรมมาบูรณาการร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ได้แจ้งว่า ขณะนี้ ได้ร่วมดำเนินการไป 1 โครงการแล้ว คือ โครงการแม่ของแผ่นดิน ที่มีการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ทั้งนี้ นายกฯ ได้แจ้งว่าจะมีการเชิญภาคเอกชนมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย
ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงความห่วงใยในเรื่องของสถานการณ์น้ำ จึงเร่งรัดให้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ให้ดูภาพรวมในศูนย์บริหารจัดการน้ำแบบเบ็ดเสร็จ และให้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำมาประมวลผลในการดำเนินการ และเร่งให้ดำเนินแผนระยะยาวตามที่ กยน.เสนอมา รวมถึงการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่หน่วยงานส่งผ่านทางเว็บไซต์ www.pmoc-flood.com ว่าการดำเนินการแก้ไข และป้องกันปัญหาของน้ำมีความคืบหน้าอย่างไร ซึ่งนายกฯ ได้เร่งรัดให้ดูแลเรื่องของคูคลอง โดยเฉพาะเรื่องการรุกล้ำลำน้ำ โดยให้กำหนดระยะเวลาในการสิ้นสุดการดำเนินการให้ชัดเจน และอยากเห็นการดำเนินการสิ้นสุดภายในระยะเวลา 2 เดือน พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้พิจารณาจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ที่โดนย้ายออกจากพื้นที่รุกล้ำลำน้ำ เนื่องจากจะเป็นการขวางทางน้ำผ่าน
ส่วนเรื่องของงบประมาณ 3.5 แสนล้าน ที่ใช้ในโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม นายกฯ ได้เร่งให้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ ให้เร่งออกหนังสือเพื่อเชิญชวนชาวต่างประเทศ และคนไทยที่จะเสนอโครงการในการบริหารจัดการน้ำ โดย รมว.วิทยาศาสตร์ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ประมาณสัปดาห์หน้า หนังสือเชิญชวนดังกล่าวจะเสร็จเรียบร้อย และจัดส่งเชิญชวนผู้ที่สนใจจะเสนอแนวทางในการจัดการน้ำของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการดำเนินงานของรัฐบาลด้วย
อีกด้านหนึ่ง ครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์ และขั้นตอนการขอเพิ่มงบประมาณรายจ่าย ตามที่สำนักงบประมาณเสนอแนวทางการขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณา ของคณะกรรมการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 ซึ่งขณะนี้ อยู่ในระหว่างการดำเนินงานของคณะกรรมการวิสามัญ โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นๆ ได้เสนอคำขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายเฉพาะรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างแท้จริง และต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ
โดยมีแนวทาง และหลักเกณฑ์ คือ 1.ต้องเป็นไปตามยุทธศาสตร์และการจัดสรรรายจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 56 ซึ่งมี 9 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์การสร้างรากฐานการพัฒนาที่สมดุลสู่สังคม ยุทธศาสตร์การสร้างความมั่นคงของรัฐ ยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน ยุทธศาสตร์การศึกษาคุณธรรมจริยธรรม คุณภาพชีวิต และความเท่าเทียมกันในสังคม ยุทธศาสตร์การการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีการวิจัยและนวัตกรรม ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ
ส่วนแนวทางที่ 2 คือ ให้เป็นรายจ่ายในการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายสำคัญเร่งด่วน 16 ข้อ และให้เป็นรายจ่ายที่ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศ การจ้างงาน กระจายรายได้ และเป็นรายจ่ายการลงทุนที่สำคัญที่ก่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาและพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งถือว่าเป็นรายจ่ายที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์โดยตรง โดยมีเงื่อนไขว่า ไม่ทำให้เกิดภาระรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรผูกพันงบประมาณรายจ่ายข้ามปีในปีต่อๆ ไป ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นต้องมีความพร้อมในการดำเนินงานได้ทันที และต้องเสนอโครงการภายใต้อำนาจหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมาย ต้องมีการจัดทำคำขอที่ไม่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญปี 50 หรือกฎระเบียบอื่นๆ และเสนอขอความเห็นชอบต่อนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่กำกับ
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของรัฐ ศาล หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ หากหน่วยงานใดเห็นว่างบประมาณรายจ่ายที่จัดสรรไม่เพียงพอให้เสนอคำแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิการได้โดยตรง ทั้งนี้ ให้รวบรวมจัดส่งสำนักงบประมาณภายในวันที่ 6 ก.ค. 2555 เพื่อให้สำนักงบประมาณประมวลภาพรวมการขอเพิ่มงบประมาณ และนำเสนอคณะกรรมาธิการต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ทุกกระทรวงติดตามผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในแถบยูโร 5 ประเทศ ทั้งทางตรง และทางอ้อม โดยขอให้เสนอมาตรการที่ทุกหน่วยงานเห็นว่าจะรับมือหากเกิดสถานการณ์ใดที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการด้วย
