เครือข่ายเมืองใหญ่แห่งเอเชีย พร้อมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันแก้ปัญหาภัยพิบัติในอนาคต
วันนี้ (14 มิ.ย.) พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงผลการประชุมองค์กรเครือข่ายเมืองใหญ่ของเอเชีย 21 ครั้งที่ 10 (The Asian Network of Major Cities 21 หรือ ANMC 21) ซึ่ง กทม.เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมภายใต้หัวข้อ “The Experience of Crisis Management in Major Cities”เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพฯ ซึ่งเมืองสมาชิก 8 เมืองที่เข้าร่วมการประชุม ได้แก่ กรุงเดลี ไทเป กรุงกัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ กรุงมะนิลา กรุงโซล กรุงโตเกียว และ กทม.ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการเมืองในภาวะวิกฤตภายใต้สถานการณ์พิบัติภัยที่เกิดขึ้นในแต่ละเมือง รวมถึงข้อจำกัด และความสามารถในการบริหารจัดการสาธารณภัยที่เกิดขึ้นของแต่ละเมือง อาทิ มหาอุทกภัยในกรุงเทพฯ ไทเป และ กรุงเดลี พายุไต้ฝุ่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ แผ่นดินไหวในเมือง Yakal ของกรุงมะนิลา อัคคีภัยในโบราณสถาน Sungnyemun ของกรุงโซล เพลิงไหม้คลังน้ำมันในสิงคโปร์ และในส่วนของกรุงโตเกียว ได้นำเสนอเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและกลยุทธ์ในการจัดการภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิทางภาคตะวันออกของญี่ปุ่นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกรุงโตเกียว
พญ.มาลินี กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันให้ข้อคิดเห็น และแนวทางในการป้องกันประชาชนจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยพิบัติ เช่น เมืองจะต้องออกกฎหมายควบคุม และการก่อสร้างอาคารให้รองรับมหันตภัยต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการสื่อสารและตรวจสอบเหตุการณ์ รวมถึงเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบข่าวสารโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด นอกจากนี้ จะต้องส่งเสริมให้ประชาชน และชุมชนเกิดการเรียนรู้และกระตือรือร้นในการป้องกันตนเอง และพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ และนำประสบการณ์ที่ได้รับจากเหตุการณ์ต่างๆ ไปปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการสาธารณภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปที่สำคัญรัฐบาลกลางจะต้องเข้ามาสนับสนุน และช่วยเหลือเมือง หรือท้องถิ่นในทุกด้านเพื่อให้เมืองมีความปลอดภัยให้มากที่สุด โดยเฉพาะเมืองที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นรองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการเมืองในภาวะวิกฤต และการแก้ไขปัญหาของเมือง ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องการให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเมืองใหญ่ภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเมืองใหญ่ต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ และความร่วมมือระหว่างกัน ในการที่จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาธารณภัยที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการและแก้ไขปัญหาจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งการให้ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับการคุ้มครองและดูแลในภาวะฉุกเฉินอย่างดีที่สุด
“ที่สำคัญ อย่างที่สุดในการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนเมืองต่างๆ ได้ให้ความสนใจต่อแนวทางการบริหารจัดการน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือว่าประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมองการณ์ไกลในการบริหารจัดการน้ำ และแนะแนวทางสู่การปฏิบัติได้จริงเพื่อป้องกันไม่ให้ กทม.จมหายไปจากแผนที่ประเทศไทย อีกทั้งยังชื่นชมองค์กรต่างๆ และประชาชน ที่ร่วมมือร่วมใจด้วยความสามัคคีเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่อีกด้วย” พญ.มาลินี กล่าว
ทั้งนี้ ในการประชุม ANMC 21 ครั้งต่อไป หรือครั้งที่ 11 กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งหัวข้อการประชุมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อเมืองและประชาชนของเมืองต่อไป
วันนี้ (14 มิ.ย.) พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงผลการประชุมองค์กรเครือข่ายเมืองใหญ่ของเอเชีย 21 ครั้งที่ 10 (The Asian Network of Major Cities 21 หรือ ANMC 21) ซึ่ง กทม.เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมภายใต้หัวข้อ “The Experience of Crisis Management in Major Cities”เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพฯ ซึ่งเมืองสมาชิก 8 เมืองที่เข้าร่วมการประชุม ได้แก่ กรุงเดลี ไทเป กรุงกัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ กรุงมะนิลา กรุงโซล กรุงโตเกียว และ กทม.ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการเมืองในภาวะวิกฤตภายใต้สถานการณ์พิบัติภัยที่เกิดขึ้นในแต่ละเมือง รวมถึงข้อจำกัด และความสามารถในการบริหารจัดการสาธารณภัยที่เกิดขึ้นของแต่ละเมือง อาทิ มหาอุทกภัยในกรุงเทพฯ ไทเป และ กรุงเดลี พายุไต้ฝุ่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ แผ่นดินไหวในเมือง Yakal ของกรุงมะนิลา อัคคีภัยในโบราณสถาน Sungnyemun ของกรุงโซล เพลิงไหม้คลังน้ำมันในสิงคโปร์ และในส่วนของกรุงโตเกียว ได้นำเสนอเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและกลยุทธ์ในการจัดการภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิทางภาคตะวันออกของญี่ปุ่นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกรุงโตเกียว
พญ.มาลินี กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันให้ข้อคิดเห็น และแนวทางในการป้องกันประชาชนจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยพิบัติ เช่น เมืองจะต้องออกกฎหมายควบคุม และการก่อสร้างอาคารให้รองรับมหันตภัยต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการสื่อสารและตรวจสอบเหตุการณ์ รวมถึงเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบข่าวสารโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด นอกจากนี้ จะต้องส่งเสริมให้ประชาชน และชุมชนเกิดการเรียนรู้และกระตือรือร้นในการป้องกันตนเอง และพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ และนำประสบการณ์ที่ได้รับจากเหตุการณ์ต่างๆ ไปปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการสาธารณภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปที่สำคัญรัฐบาลกลางจะต้องเข้ามาสนับสนุน และช่วยเหลือเมือง หรือท้องถิ่นในทุกด้านเพื่อให้เมืองมีความปลอดภัยให้มากที่สุด โดยเฉพาะเมืองที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นรองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการเมืองในภาวะวิกฤต และการแก้ไขปัญหาของเมือง ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องการให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเมืองใหญ่ภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเมืองใหญ่ต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ และความร่วมมือระหว่างกัน ในการที่จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาธารณภัยที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการและแก้ไขปัญหาจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งการให้ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับการคุ้มครองและดูแลในภาวะฉุกเฉินอย่างดีที่สุด
“ที่สำคัญ อย่างที่สุดในการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนเมืองต่างๆ ได้ให้ความสนใจต่อแนวทางการบริหารจัดการน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือว่าประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมองการณ์ไกลในการบริหารจัดการน้ำ และแนะแนวทางสู่การปฏิบัติได้จริงเพื่อป้องกันไม่ให้ กทม.จมหายไปจากแผนที่ประเทศไทย อีกทั้งยังชื่นชมองค์กรต่างๆ และประชาชน ที่ร่วมมือร่วมใจด้วยความสามัคคีเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่อีกด้วย” พญ.มาลินี กล่าว
ทั้งนี้ ในการประชุม ANMC 21 ครั้งต่อไป หรือครั้งที่ 11 กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งหัวข้อการประชุมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อเมืองและประชาชนของเมืองต่อไป
