“สุริยะใส” จวก “บิ๊กโอ๋” จิตวิญญาณชายชาติทหารบกพร่อง ด่าคนค้านมะกันใช้อู่ตะเภาเป็นพวกไม่รักชาติ ถามถ้าหากคนไทยได้ประโยชน์จริง ทำไมไม่นำเข้าที่ประชุมรัฐสภา ตาม ม.190 หรือมีวาระแฝงเรื่องวีซ่า “นช.แม้ว” เข้าสหรัฐฯ และผลประโยชน์ด้านพลังงาน ลั่นถ้า ครม.เห็นชอบ ยื่นศาลเอาผิด รมต.ยกชุดแน่ พร้อม ผบ.เหล่าทัพ แนะให้ดูคดี “นพดล” เป็นตัวอย่าง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน คำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม หรือบิ๊กโอ๋ ที่กล่าวหากลุ่มคนที่คัดค้านการอนุญาตให้นาซาใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นพวกไม่รักชาตินั้น ถือว่าบิ๊กโอ๋เป็นแค่นักการเมืองคนหนึ่ง จิตวิญญาณความเป็นชายชาติทหารบกพร่องไปแล้ว กลุ่มที่ออกมาคัดค้านเรื่องนี้ไม่ใช่การคัดค้านแบบหัวชนฝา แต่สังคมต้องการทราบข้อเท็จจริงว่ามีผลประโยชน์แอบแฝงโดยเฉพาะผลประโยชน์ส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องวีซ่าเข้าสหรัฐและผลประโยชน์ด้านพลังงานหรือไม่
“ถ้าบิ๊กโอ๋เชื่อว่าเรื่องนี้คนไทยได้ประโยชน์ก็ต้องชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด โดยเอาเข้าหารือเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 จะกลัวทำไมถ้าเรื่องนี้ไม่มีวาระแอบแฝง โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องของปฏิบัติการด้านภัยพิบัติและมนุษยธรรม ก็มีคำถามว่าทำไมไม่ทำในรูปของพหุภาคี โดยดึงสหประชาชาติและหลายประเทศมาร่วมไม้ร่วมมือกัน ทำไมต้องทำในรูปทวิภาคีระหว่างไทยกับสหรัฐหรือนาซ่าแค่นั้น”
นายสุริยะใสกล่าวว่า เข้าใจว่า พล.อ.อ.สุกำพลอาจจะเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในเก้าอี้ รมว.กลาโหม จึงอาจพยายามเคลียร์เหล่าทัพให้ยอมในเรื่องนี้เพื่อแลกกับการรักษาเก้าอี้ของตัวเองไว้ เลยออกมากล่าวหาว่าคนที่ทักท้วงเรื่องนี้เป็นพวกไม่รักชาติ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ฝ่ายความมั่นคงไทยโดยเฉพาะผู้บัญชาการเหล่าทัพต้องกล้าหาญที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว อย่ากลายเป็นทหารพาณิชย์กันไปหมด โดยเอาความมั่นคงไปแลกกับผลประโยชน์บางอย่าง ซึ่งถือว่าฝ่ายกองทัพกำลังดึงประเทศไทยเข้าสู่ความเสี่ยงของสงครามหลายรูปแบบอย่างปฏิเสธไม่ได้”
นายสุริยะใสกล่าวว่า หาก ครม.อนุมัติเรื่องนี้โดยไม่ผ่านรัฐสภา กลุ่มกรีนได้เตรียมคำร้องเพื่อยื่นต่อศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ระงับมติ ครม.ไว้แล้ว ซึ่งจะยื่นเอาผิดตั้งแต่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีทั้งคณะ และผู้นำเหล่าทัพด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะมีอีกหลายกลุ่มยื่นฟ้องศาลแน่นอน
นายสุริยะใสกล่าวว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ควรกลับไปดูบทเรียนที่อาจจะมีคนติดคุก กรณีมติ ครม.สมัยนายสมัคร สุนทรเวช ที่ลงนามรับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา โดยยกปราสาทพระวิหารให้กับพูชา แต่สุดท้ายศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาให้ระงับแถลงการณ์ดังกล่าว เพราะเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ จนทำให้นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศในขณะนั้นต้องถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 โดยขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง