โฆษก ปชป.ยกคดีศาล รธน.รับคำร้อง “เรืองไกร” ยื่นยุบ ปชป.เหมือนกรณีชะลอลงมติแก้ รธน.เห็นชัดศาลฯไม่ได้ 2 มาตรฐานตามที่ถูกกล่าวหา ด้านทีมกฎหมายขู่ “เรืองไกร” ระวังเจอคดีอาญาฐานกล่าวหาเป็นเท็จ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 เพราะมีสมาชิกจำนวน 46 คน จากพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไปก่อนหน้านี้ และยังไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองตามที่กฎหมายกำหนด ได้ลงมติโหวตเลือก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า สาระและแนวทางการต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น มั่นใจว่า ไม่มีปัญหาใดๆ แต่อยากจะหยิบยกการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญของนายเรืองไกรในครั้งนี้ เป็นการยื่นโดยตัวบุคคล ไม่ได้มีการผ่านอัยการสูงสูดแต่อย่างใด ซึ่งก็เปรียบเสมือนการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ชะลอการลงมติวาระ 3 เพราะฉะนั้น คำว่าสองมาตรฐาน หรืออำมาตย์และไพร่ ไม่ได้มีอยู่จริง เพราะมีการแสดงให้เห็นแล้วว่าศาลไม่ได้มีการเลือกสี หรือเลือกข้าง อย่างที่รัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามจะบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความสับสนให้กับประชาชน และอยากเรียกร้องอย่านำเอาสถาบันเบื้องสูง หรือองค์กรอิสระ มาเป็นเงื่อนไขอีก
นายชวนนท์ กล่าวต่อถึงกรณีที่อัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 27 คน ฐานร่วมกันกระทำความผิดทุจริตในการปล่อยอนุมัติสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย ว่า ทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ พยายามทวงถามเรื่องนี้มานานจากอัยการ ซึ่งก็ต้องติดตามดูต่อไปว่าสำนวนในการส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญจะหนักแน่นแค่ไหน
นายชวนนท์ กล่าวว่า ตนอยากให้ประชาชนดูคดีนี้เป็นตัวอย่าง ซึ่งถือว่าประเทศไทยได้เสียหายจากเรื่องนี้จำนวนมาก และถ้าหาก พ.ร.บ.ปรองดอง ที่มีความพยายามเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯผ่านเป็นกฎหมายแล้ว เงินจำนวนดังกล่าวจะต้องถูกยกให้กับบุคคลเหล่านี้ โดยที่ประเทศไม่ได้อะไรเลย ตนจึงอยากเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำตามที่ได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า จะทำตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)
ด้าน นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนอยากจะฝากไปถึง นายเรืองไกร ที่ทุกคนรู้ดีว่า คือ เนื้อเดียวกับกับพรรคเพื่อไทย ให้ไปศึกษาข้อกฎหมายให้ดีกว่านี้ เพราะจะได้ไม่ทำให้ผู้อื่นเสียเวลา สำหรับคดีที่นายเรืองไกร ได้ยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ หากศาลตัดสินยกคำร้อง นายเรืองไกร จะต้องรับผิดชอบทางกฎหมายอาญาในข้อหาแจ้งความเท็จ ทั้งนี้ ตนอยากจะแนะนำนายเรืองไกร ให้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะเวลาในการฟ้องร้องผู้อื่นจะได้มีความชัดเจน โดยเดินทางไปพร้อมกับนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยได้เลย
