“สุริยะใส” แนะ “จาตุรนต์” เป็นแกนนำถอดถอน “ประธานสมศักดิ์” เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง พร้อมถามคนเสื้อแดงรู้แล้วหรือยังใครหลอกใคร? เวทนานักวิชาการอ้างว่าก้าวหน้า แต่เคลิ้มกับท่วงท่าลีลา “ทักษิณ” จนไม่รู้สึกตัว ระบุการถอยของรัฐบาลแค่พักรบ สังคมยังกล่าวไม่พ้นระเบิดเวลาสงครามปรองดองเพื่อคนคนเดียว
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยโดยประธานสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ยอมถอยไม่ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 นั้น คงเกิดจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประเมินแล้วไม่คุ้มกับผลกระทบที่จะตามมาในระยะยาวหากขัดขืนคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปลุกระดมจัดม็อบเสื้อแดงบิดเบือนว่าเป็นการรัฐประหารโดยตุลาการภิวัฒน์ ปล้นอำนาจประชาชนยอมไม่ได้ ถึงขนาดดำเนินการเข้าชื่อถอดถอนตุลาการทั้ง 7 ท่าน การกลับตาลปัตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าไม่ได้ยืนอยู่บนหลักการอะไรทั้งสิ้น เป็นเพียงหลักกู ประเภทเอาแต่ได้ ถ้าประเมินแล้วได้ไม่คุ้มเสียก็พร้อมเลี้ยวกลับทันที
นายสุริยะใสกล่าวว่า วันนี้เป็นอีกครั้งที่คนเสื้อแดงที่ต่อสู้ด้วยความสุจริตใจจะทบทวนจุดยืนต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้ถูกหลอกใช้ไปวันๆ เหมือนที่ผ่านมา และต้องกล้าถามตัวเองว่าคนที่หลอกคนเสื้อแดงจริงๆ แล้วคือใคร ถ้าไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดง เช่นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.กระทรวงเกษตรฯ ขึ้นเวทีหน้าสภาปลุกระดมต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญ ยุยงสารพัด มาวันนี้ออกมากล่อมคนเสื้อแดงให้เข้าใจรัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าต้องถอยเพราะอะไร การถอยครั้งนี้ทำให้คำร้องถอดถอน 7 ตุลาการลดน้ำหนักและคงไม่มีผลอะไร
“ถ้าคนเสื้อแดงสู้เพื่อประชาธิปไตยจริง ก็ต้องดำเนินการถอดถอนประธานสภาฯ แทนถึงจะถูกต้อง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ วางตัวเป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ เคยทำจดหมายเปิดผนึกถึง ส.ส.และส.ว.ว่าถอยไม่ได้ ต้องลงมติวาระ 3 เท่านั้น ก็ควรจะมาเป็นแกนนำถอดถอนประธานสภาฯ ด้วยตัวเอง ถ้าเห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่ทำให้เกิดความเสียหายเพื่อรับผิดชอบคำพูดตัวเองด้วย”
นายสุริยะใสกล่าวว่า ที่น่าเวทนามากกว่านั้นคือ บรรดานักวิชาการที่อ้างว่าก้าวหน้าหลายคน เช่น อ.เกษียร เตชะพีระ อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล หรือบรรดาคณะนิติราษฎร์ ก็เคลิ้มอยู่กับบางท่วงท่าและลีลาปลอมๆ ที่ดูก้าวหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำ นปช.บางปีก จนอคติกับฝ่ายตรงข้ามและลืมตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลนอมินีทักษิณ ไม่น่าเชื่อว่าถูกหลอกจนเปื่อยก็ยังไม่รู้สึกตัวกัน
อย่างไรก็ตาม การถอยของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ แค่พักรบ ยังไม่จบเพราะปลายทางนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณยังอยู่ แน่นอนว่าเปิดประชุมสภาสมัยสามัญกลางเดือนสิงหาคมก็คงเอาเรื่องนี้กลับเข้ามาพิจารณาใหม่อีก สังคมไทยก็ยังก้าวไม่พ้นระเบิดเวลาในสงครามปรองดองเพื่อคนคนเดียว