รองโฆษกเพื่อไทยชูดีเอสไอสอบ กทม.ต่อสัญญารถไฟฟ้าทำตามขั้นตอน ถามรองผู้ว่าฯ ร้อนตัวทำไม ส่อกดดันข้าราชการ เย้ยอย่ากลัวตรวจสอบ ทองแท้ต้องไม่กลัวไฟ จี้ “สุขุมพันธุ์” แจงอย่าลอยตัวหนีปัญหา โวเจ้าหน้าที่ กทม.ขนเอกสารมาให้เพียบ
วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ออกมาร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกรณีที่ กทม.ไปทำสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสกับเอกชนอันอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนนั้น ตนในฐานะผู้ร้องกรณีดังกล่าวต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น เห็นว่าการทำหน้าที่ของดีเอสไอก็เป็นไปตามขั้นตอนปรกติเมื่อมีผู้ร้องที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน หากกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ดำเนินการก็จะมีความผิด ดีเอสไอก็ทำขั้นตอน ตนจึงแปลกใจว่าอะไรคือสิ่งที่ กทม.พอใจ จริงๆ แล้ว กทม.ไม่หน้าร้อนตัว ทั้งๆ ที่ขณะนี้ดีเอสไอก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลและเตรียมเข้าพิจารณาเป็นคดีพิเศษ ซึ่งก็ทำตามขั้นตอนชัดเจน และเมื่อคณะกรรมการฯ มีมติเป็นคดีพิเศษแล้วก็ต้องส่ง ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน ก็เป็นไปตามขั้นตอน ไม่ทราบว่านายธีระชนจะร้อนตัวทำไม เพราะกรณีนี้นายธีระชนจะทราบกระบวนการของข้าราชการในฝ่ายตรวจสอบ หรือแกล้งไม่ทราบขั้นตอน ของดีเอสไอ จึงทำให้ดูคล้ายกับว่าเป็นการกดดันการทำงานของข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ
“นายธีระชนควรจะหายใจลึกๆ ด้วยความสงบ และรอฟังผล การตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ ผู้ตรวจการแผ่นดินที่ตนในฐานะผู้ร้องตรงทั้ง 3 หน่วยงานก่อน ไม่ใช่พอใครตรวจสอบหน่อยก็ออกมากดดัน หาก กทม.ไม่ผิด กรณีไปทำสัญญากับเอกชนก่อนหมดสัญญาอีก 17 ปี ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ”
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า วันนี้ความจริงก็คือความจริงอยู่แล้ว หากผู้บริหารบางคนของ กทม.เป็นทองแท้จริงก็ไม่เห็นต้องกลัวไฟ เว้นแต่เป็นทองชุบ เพราะสิ่งที่ประชาชนเห็นแบบไม่ต้องแปลหรือต้องตีความ ก็คือ กทม.ไปเซ็นจ้างให้ เอกชนก่อนสัญญาหลักจะหมดสัญญา 10 กว่าปีชัดเจน และ กทม.ก็ใช้เงินภาษีประชาชน คนกรุงเทพไปจ้าง บริษัทลูกของตัวเองอย่าง KT ให้ไปจ้างเอกชนอีกทีอย่างชัดเจน และเรื่องนี้ตนไม่เห็นผู้ว่าฯ กทม.ในฐานะผู้บริหารสูงสุดออกมาชี้แจงอะไร ไม่เหมือนกับหลายหน่วยงานราชการที่ผู้บริหารระดับสูงมักจะออกมาแสดงวุฒิภาวะ แสดงความสามารถในการบริหาร วันนี้ผู้ว่าฯ กทม.ควรจะชี้แจงให้ชัดเจนต่อประชาชน ไม่ควรลอยตัวหนีปัญหา และอย่าทำให้คนกรุงลืมไปว่า วันนี้เรามีผู้ว่าฯ กทม.ชื่อสุขุมพันธุ์ บริพัตร ไม่ใช่นายธีระชน ที่จะชนแทนทุกเรื่องจนทำให้ประชาชนเข้าใจว่าผู้ว่าฯ กทม.ไม่กล้าแสดงภาวะผู้นำในฐานะผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานใช่หรือไม่
นายจิรายุกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ต้องขอบคุณข้าราชการ กทม.จำนวนมากที่รักความเป็นธรรม และทนไม่ได้ในการใช้อำนาจจนลุแก่อำนาจที่สั่งสมมานานของผู้บริหาร กทม.บางคน ได้ส่งข้อมูลเอกสารการทำงานของผู้บริหารหลายระดับมาให้สำนักงานปราบโกงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมไว้จำนวนมาก เพราะมีข้าราชการระดับ ผอ.หลายคนที่รับใช้ผู้บริหารบางคน จนไม่ลืมหูลืมตา และตนเชื่อว่าข้อมูลที่ ส.ป.ก.มีนั้น เมื่อความจริงปรากฏหรือเปลี่ยนผู้บริหารข้าราชการที่รับใช้ผู้บริหารกังฉินต้องมีปัญหาแน่นอน