“เฉลิม” เตรียมใช้อำนาจในฐานะประธานดูแลโซนฝั่งธนฯ ดัน “วัน อยู่บำรุง” ลูกชายลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 28 พร้อมหนุนเลื่อนโหวตแก้ รธน.วาระ 3 ส่วนจะลงมติในการประชุมสภาสมัยหน้าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บริหารในพรรคจะพิจารณา ค้านเปลี่ยนตัวประธานสภา ยันทำดีแล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง"ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ให้สัมภาษณ์"
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขตเลือกตั้งที่ 28 ที่ พ.ต.อ.สามารถ ม่วงศิริ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบเหลือง เป็นเขตเลือกตั้งที่ นายวัน อยู่บำรุง บุตรชายของตนลงสมัคร ทำให้ตนรู้สึกดีใจ เพราะสถานการณ์การเลือกตั้งเมื่อปี 2554 นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความไม่เป็นกลาง อีกทั้งยังมีการขนคนไปลงคะแนน ซึ่งประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้พิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ จึงมีมติให้ดำเนินคดี ทั้งนี้ ตนรู้สึกดีใจที่ กกต.ทั้ง 5 คนมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ 5 ต่อ 0 ให้ใบเหลือง คาดว่าอีก 2 สัปดาห์ กกต.น่าจะสรุปข้อเท็จจริงและส่งเรื่องไปยังศาลรัฐะรรมนูญต่อไป
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นายวันซึ่งเป็นคู่แข่งในเขตนี้ก็แพ้การเลือกตั้งเพียงแค่พันกว่าคะแนนเท่านั้น ทั้งนี้หากมีการเลือกตั้งใหม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยว่าจะส่งผู้ใดลงชิงตำแหน่งในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี ตนได้รับมอบหมายให้เป็นประธานดูแลโซนฝั่งธนฯ ซึ่งเห็นว่าอยากจะให้นายวันได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ดังนั้นตนจะนำเรื่องนี้เสนอกับทางพรรคต่อไป
ส่วนการเลื่อนลงมติร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ไปสมัยประชุมหน้านั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนเห็นด้วยตั้งแต่ต้น เพราะเราได้อำนาจมาจากประชาชนซึ่งเราจะเร่งรีบรวบรัดไม่ได้ ดังนั้นจึงขอให้นายกรัฐมนตรีรวมถึงคณะรัฐมนตรีทุกคนได้ทำงานในการแก้ปัญหาของประชาชนก่อน แล้วจึงค่อยดำเนินการซึ่งตนก็เคารพการตัดสินใจของทุกภาคส่วน
ส่วนที่ นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้แถลงในเรื่องคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีที่ ครม.ดำเนินการในเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา68 หรือไม่ ใน 4 ประเด็นนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หากใครได้ฟังคำแถลงก็น่าจะทราบดีว่ามีความชัดเจนในเรื่องตัวบทกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดงมีการแสดงความไม่พอใจหลังจากที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่พิจารณาเห็นว่าควรเลื่อนการลงมติร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 เป็นสมัยหน้าว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงแค่ความเห็นต่าง ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคประชาธิปไตยก็ยอมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ในส่วนที่ว่าหากเปิดสมัยประชุมหน้าแล้วจะมีการลงมติในวาระ 3 เลยหรือไม่นั้น เห็นว่าก็ต้องไปดูอีกทีเพราะตนไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ตนเป็นเพียง ส.ส. ดังนั้นต้องดูมติพรรคอีกครั้งว่าจะมีมติในเรื่องนี้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มีการเปลี่ยนตัวประธานรัฐสภา เพราะไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องเปลี่ยน