“สุวัตร” มั่นใจศาลตัดสินให้การแก้ รธน.เป็นความผิดจริง ซึ่งหลังจากนั้นแดงคงออกอาละวาด เชื่อ “ยิ่งลักษณ์” ต้องพ้นตำแหน่งนายกฯ ภายใน ส.ค. “ทวี” ชี้ประเทศจะโกลาหล แนะพันธมิตรฯ อย่าเข้าไปร่วมในบรรยากาศความวุ่นวาย จะได้ไม่เข้าทางคนที่มีเจตนาให้บ้านเมืองป่วน
วันที่ 12 มิ.ย. นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล ประธานสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายสุวัตรกล่าวถึงการทำหน้าที่ของอัยการว่าจะให้ไว้ใจอัยการได้อย่างไร เพราะมีหลายกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทั้งๆ ที่มีความผิดชัดเจน เช่น
- นายจักรภพ เพ็ญแข หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ แปลเอกสารกันไม่เสร็จสักทีจนนายจักรภพหนีไป และไม่ได้มาสู้คดีหรือยื่นคำให้การเลย ในชั้นสอบสวน แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ส่วนนายสนธิชี้ให้จับ ดา ตอร์ปิโด หมิ่นเบื้องสูง อัยการกลับสั่งฟ้อง
- อัยการสั่งไม่ฟ้องมือส่งอีเมลขู่ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร นักข่าวช่อง 7 แล้วคำสั่งอัปยศสุดๆ บอกว่า ผู้กระทำต้องลงมือกระทำความผิดโดยการขู่เข็ญต่อผู้อื่น หากเพียงยังอยู่ขั้นการตระเตรียมการ ความผิดฐานนี้ไม่มีบทบัญญัติของประมวลกฎหมายอาญา ให้ผู้ตระเตรียมการต้องมีความผิดทางอาญา จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง
- นายจตุพรพูดว่า กระสุนที่ทำร้ายพี่น้องเสื้อแดง คือ กระสุนพระราชทาน อัยการสั่งไม่ฟ้อง
- สั่งไม่ฟ้องคดีภาษีหุ้นชินฯ ไม่ฟ้องทีมทนาย พ.ต.ท.ทักษิณคดีถุงขนม ที่ถูกจำคุก 6 เดือน คือโดนข้อหาละเมิดอำนาจศาล ไม่ใช่ข้อหาติดสินบน โดยอัยการบอกว่า ความผิดข้อหาการให้สินบนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 นั้น ต้องมี “ผู้ใด” ขอให้ หรือรับว่าจะให้ ซึ่งข้อเท็จจริงคดีนี้ไม่พบว่า ทนายความที่ถือถุงใส่เงินมาให้ มีวัตถุประสงค์จะให้เงิน 2 ล้านบาท แต่ได้ความเพียงว่า มีเจตนาจะให้ “ขนม” ไม่ใช่แสดงตัวมาแต่แรกว่าจะให้เงิน จึงขาดความเป็น “ผู้ใด” ที่เป็นผู้ให้สินบน
นอกจากนี้ การพิจารณาเรื่อง “การให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด” นั้น จากข้อเท็จจริงเห็นว่า เงินของกลาง 2 ล้านบาทเป็นเรื่องสำคัญ แต่กลับไม่มีเงินของกลางในสำนวน และยังไม่ได้ข้อเท็จจริงว่าจะให้เงิน 2 ล้านบาทไปเพื่ออะไร จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง
- ไม่ฟ้องกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ พูดจาหมิ่นเบื้องสูง ทั้งหมด
- ไม่ฟ้อง นปช.บุกบ้านป๋าเปรม โดยบอกว่าพวกนั้นไม่มีอาวุธ
- เสื้อแดงเผาศาลากลางขอนแก่น ก็สั่งไม่ฟ้อง
นายสุวัตรกล่าวต่อว่า การพิพากษาของศาลนั้นต้องเป็นไปตามคำขอ จะตัดสินผิดไปจากคำขอไม่ได้ โดยคดีแก้รัฐธรรมนูญนี้ ตนขอไป 1. ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยของผู้ถูกร้องทั้ง 416 คน ที่ได้จัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีผลทำให้เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญ อันเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ 2. ขอให้ผู้ถูกร้อง 416 คน เลิกการกระทำดังกล่าว
ทีนี้มาดูมาตรา 68 วรรคสอง ระบุว่า “ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว” ซึ่งตนก็ได้ร้องไปยัง ป.ป.ช. และ กกต.แล้ว ซึ่งนี่คือแผนที่เราวางไว้
สมมติศาลตัดสินตายหมู่ มาตรา 68 วรรค 3 ตามมาเลย คือบัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองใดเลิกกระทำการตามวรรค 2 อาจสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้” วรรค 4 “ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองตามวรรค 3 ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบ เป็นเวลา 5 ปี” พรรคก็จะถูกยุบ แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่คนอื่นโดนตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ซึ่งก็ย้อนมาที่คดีอาญา ถูกฟ้องก็ต้องสิ้นสภาพ ส.ส.
วันที่ 5-6 กรกฎาคม ศาลนัดสืบพยาน ซึ่งแม้ใครจะดึงไปศาลรัฐธรรมนูญก็ให้ได้แค่ 7 วัน เพราะระบบไต่สวนจะลากยาวแบบศาลยุติธรรมไม่ได้ แล้วก็จะมีคำพิพากษาในวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งเสื้อแดงก็จะไม่พอใจ ตอนนี้ก็มีการล่ารายชื่อถอดถอน ขู่ให้ศาลถอย ซึ่งมันทำไม่ได้ คำสั่งศาลออกมาแล้ว เมื่อใช้มาตรการคุ้มครองชั่วคราวตามมาตรา 264 นั่นคือคำสั่งแล้ว คือพระปรมาภิไธยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มันผูกพันรัฐสภา เพราะการคุ้มครองชั่วคราวมาตรา 264 มันอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เนื่องจากของศาลรัฐธรรมนูญกฎหมายยังออกมาไม่ครบ ก็เลยมีประกาศว่า ให้เอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้
นายสุวัตรกล่าวอีกว่า ก่อนถึงวันพิพากษา เสื้อแดงคงเดินเกมกดดันศาลไปเรื่อยๆ พอไม่พอใจคำตัดสิน ก็พร้อมออกมาอาละวาด ในที่สุดต้องมีเรื่อง ตนวิเคราะห์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ไม่ได้ ภายในสิงหาคม กระเด็นแน่ ไม่มีทางอยู่เป็นนายกฯต่อได้ จากประสบการณ์การทำคดีมา 40 ปี ตนรู้ดีว่าแนวโน้มศาลจะตัดสินอย่างไร
แม้จะกดดันศาลเพื่อหวังให้พิพากษาเข้าข้าง อย่างคดีซุกหุ้นภาค 1 แต่ศาลรัฐธรรมนูญยุคนี้ ตนเชื่อว่าต่อให้มีอภินิหาร ก็วิ่งเต้นไม่ได้ แต่ละคนตรงมาก ปรมาจารย์จริงๆ มีอดีตที่ใสหาที่ติไม่ได้เลย มีอยู่คนเดียวที่มีปัญหา
ด้าน ผศ.ทวีกล่าวว่า ต่อจากนี้เพื่อไทยคงเดินเกม 2 ขยัก ช่วงนี้ก็เดินสายปลุกกระแสสร้างความไม่พอใจในศาล พอตัดสินไม่พอใจก็จะปลุกระดมได้ เติมเชื้อไฟไว้เรื่อยๆ
ตนมองว่าหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริงอย่างที่ผู้ร้องไป น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงนำไปสู่การระดมคนเสื้อแดงออกมาให้มากๆ อีกอันที่น่าเป็นห่วงเช่นกัน คือ เพื่อไทยคงกลัวยุบพรรค อาจจะรีบยุบสภา ถอยไปตั้งหลัก โดยมีพรรคสำรองไว้แล้ว เหตุการณ์คงวุ่นวายมาก ตนขอแนะนำพี่น้องพันธมิตรฯ อย่าไปอยู่ในบรรยากาศความวุ่นวาย เราต้องหนักแน่น อย่าไปเข้าทางคนที่มีเจตนาให้บ้านเมืองวุ่นวาย
หรือถ้าศาลยกคำร้อง ก็คงมีปัญหาเช่นเดียวกัน เพราะคงต้องเร่งผลักดันแก้รัฐธรรมนูญ หรือผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดองไปด้วย ก็จะมีปัญหามาก เพราะพันธมิตรฯ ก็ต้องชุมนุมเพราะเป็นเงื่อนไขที่บอกไว้