รมว.วิทย์แจงโปรแกรมนายกฯ ลงพื้นที่ตรวจโครงการแก้มลิง 8 จังหวัดสัปดาห์หน้า พร้อมดูซ้อมอพยพประชาชน แขวะผู้ว่าฯ กทม. มัวแต่กินไวน์อยู่ เลยไม่มีผลงานการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แต่ยินดีให้คะแนน 50% เพราะเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะหมดวาระแล้ว
วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมทางไกลเพื่อติดตามความคืบหน้าในการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และความคืบหน้าการดำเนินโครงการเพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่ได้รับอนุมัติจาก ครม.ว่า สัปดาห์หน้านายกฯ มีกำหนดการลงพื้นที่ 8 จังหวัดเพื่อตรวจสอบลุ่มน้ำ ดูความเสียหาย และรับทราบความต้องการ เพื่ออนุมัติโครงการตามธงนำกิจกรรมของ 22 จังหวัดที่เสนอมา โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายกฯ เพื่อตรวจสอบว่าโครงการที่แต่ละจังหวัดเสนอขอมานั้นเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ สัมฤทธิผลหรือไม่ รวมทั้งทบทวนทางยุทธศาสตร์เพราะนายกฯ พูดเรื่องสำคัญไว้ว่า น้ำต้องมีที่อยู่ น้ำต้องมีที่ไป ป้องกันพื้นที่สำคัญ เช่น อ.เมือง จ.นครสวรรค์ อ.เมือง จ.อุทัยธานี นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 แห่งในจังหวัดนนทบุรี และปทุมธานี ที่ต้องยกระดับพื้นถนนขึ้น รวมทั้งการเตือนภัย สิ่งเหล่านี้นายกฯ ต้องการทบทวนว่าแต่ละพื้นที่ซึ่งมียุทธศาสตร์แตกต่างกันนั้นเข้าใจ ใช้และได้ผลเช่นใด
นายปลอดประสพกล่าวว่า พื้นที่ที่นายกฯลงไปนั้นจะเป็นจุดเป็นจุดตายของการป้องกันในครั้งนี้ เช่นประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี นั้นเดิมมีที่ตั้งลึกเข้ามาเกินไป เมื่อน้ำท่วมจากแม่น้ำเจ้าพระยาล้นเข้าเจอคลองรังสิต และประตูน้ำแห่งนี้ก็ไม่มีที่ไป จึงเลี้ยวขวาลงทิศใต้เข้าท่วมหมู่บ้านเมืองเอกทั้งหมด ปีนี้ประตูน้ำแห่งนี้โดนย้ายไปอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อไม่ให้น้ำจากแม่น้ำไหลเข้ามาในพื้นที่ข้างต้นและท่วมทิศเหนือของ กทม.เหมือนปีที่แล้ว และพื้นที่นี้มีการจัดสร้างเขื่อนป้องกันตลอดแนวคลองรังสิต 25 กม. เพราะปีที่แล้วน้ำเหนือหลากมาท่วม กทม.ตอนเหนือทั้งหมด ฉะนั้นหากมีเขื่อนกั้นน้ำ น้ำจะไม่ล้นจึงจะควบคุมน้ำไว้ได้
รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า นายกฯ จะไปตรวจพื้นที่แก้มลิง คือแก้มลิงที่ควบคุมได้และแก้มลิงที่ควบคุมไม่ได้ รวมทั้งไปตรวจการผันน้ำข้ามลำน้ำ เช่นจากแม่น้ำน่านไปยังแม่น้ำยม แม่น้ำยมกลับมาแม่น้ำน่าน โครงการนี้เป็นการดำเนินการครั้งแรกของประเทศว่าการผันน้ำส่งไปเพื่อระบบเกษตรนั้นเป็นเช่นใด การผันน้ำกลับมาเพื่อลดปริมาณน้ำไม่ให้ท่วม จ.สุโขทัยนั้นเป็นอย่างไร
“การลงพื้นที่ครั้งนี้นายกฯ จะตรวจการฝึกซ้อมสำคัญที่ จ.ชัยนาท คือการจำลองสถานการณ์และจำลองการสั่งการในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินโดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหมด โดยข้อมูลจาก กทม.และต่างประเทศจะถูกส่งไป จ.ชัยนาท และ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยาจะฝึกซ้อมการสั่งอพยพประชาชน 5,000 คนไปในพื้นที่ต่างๆ ว่าจะดำเนินการเช่นใด และนำไปใช้ในเหตุการณ์ต่างๆ ด้วย” นายปลอดประสพกล่าว
นายปลอดประสพกล่าวต่อว่า 4 วันที่ลงพื้นที่ นายกฯ และ ครม.ที่รับมอบหมายในแต่ละพื้นที่นั้น ในช่วงเช้าของแต่ละวันจะมีการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกลกับผู้ว่าฯ จังหวัดต่างๆ ว่าการสั่งการและการดำเนินการเป็นเช่นใดบ้าง
เมื่อถามว่า การประชุมวันนี้นายกรัฐมนตรีติวผู้ว่าราชการจังหวัดเข้มข้นมากกว่าโครงการต่างๆล่าช้า นายปลอดประสพกล่าวว่า การทำงานกับการเบิกจ่ายนั้นเป็นตัวชี้วัด รวมทั้งความสัมฤทธิผล วันนี้นายกฯ เน้นเรื่องการทำงานว่าเสร็จสิ้นและการเบิกจ่ายไปแล้วหรือไม่ เพราะพื้นที่ต้นน้ำนั้นในเดือน มิ.ย.โครงการต่างๆ ต้องเสร็จสิ้น พื้นที่กลางน้ำนั้นเดือน ก.ค.ต้องเสร็จสิ้น พื้นที่ปลายน้ำนั้นเดือน ส.ค.ต้องเสร็จสิ้น ฉะนั้นพื้นที่ใดทำไม่เสร็จถือว่าผิดกติกา นายกฯ ยังบอกว่าให้เวลาแต่ละจังหวัด จังหวัดละ 1 เดือนในการปรับแก้ไขให้เสร็จสิ้น เพราะการป้องกันน้ำท่วมนั้นเป็นภารกิจสำคัญในการวัดผลความสามารถเพื่อความเจริญเติบโตของข้าราชการร่วมกับโครงการปราบปรามคอร์รัปชัน และยาเสพติดของรัฐบาล พูดง่ายๆ คือประโยชน์สุขของประชาชนจะเป็นตัววัดผล วันนี้ผู้ว่าฯ กับนายตำรวจร่วมกันทำงาน
เมื่อถามว่าการแก้ปัญหาน้ำนั้นคล้ายว่าข้าราชการฝ่ายปกครองทำงานล่าช้าหากเทียบกับกองทัพที่รับภารกิจของรัฐบาลไปแล้วก็ดำเนินการเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว นายปลอดประสพกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาน้ำนั้น กองทัพใช้ทหารช่างที่มีเครื่องมือพร้อม แต่ผู้ว่าฯ กับตำรวจนั้นอยู่สายปกครอง แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ วันนี้นายกฯ สั่งการอีกว่าทุกจังหวัดต้องมีกองบัญชาการส่วนหน้าเพื่อวิเคราะห์และสั่งการในพื้นที่เล็กๆ ของตัวเอง คือเชื่อมโยงตั้งแต่หมู่บ้านมาถึง กทม.และจังหวัดข้างเคียง เพราะยามที่น้ำวิ่งนั้นจะไม่รู้ทิศทางเลยว่าจะไปทางใด
ส่วนการป้องกันน้ำใน กทม.ที่ยังไม่คืบหน้านั้น นายปลอดประสพกล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายพิเศษในการติดตามความกระตือรือร้น จริงใจในการทำงานของ กทม. ตนจะเริ่มแอบตรวจพื้นที่แล้ว และหลังกลับมาจะตรวจอย่างจริงจัง เท่าที่ประเมินเบื้องต้นข้าราชการ กทม.ก็ทำงานแต่ติดปัญหาเรื่องการขุดลอกเพราะการบุกรุกพื้นที่และไม่มีพื้นที่ทิ้งดินหลังจากการขุดลอก ความจริง กทม.ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ใช่รอให้ตนเสนอ ครม.ว่าแม่น้ำลำคลองใน กทม.นั้นมีกี่ครัวเรือนที่บุกรุก ครม.อนุมัติสิ่งที่ตนเสนอว่าเป็นการดำเนินการผิดกฎหมายจึงมอบให้กระทรวงมหาดไทยและกทม.ไปดำเนินการเรื่องบุกรุกล้ำน้ำสาธารณะ และห้ามออกบ้านเลขที่รวมทั้งมิเตอร์น้ำและไฟให้ผู้บุกรุกอีกต่อไป ตนไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะกระทบคะแนนเสียงในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในปีนี้ เพราะต้องรักษา กทม.และคนส่วนใหญ่เอาไว้ และมอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยถาวรไว้ให้คนส่วนน้อยกลุ่มนี้เพื่อไม่ให้เดือดร้อน เพราะเริ่มตอนนี้แบบค่อยเป็นค่อยไป
“ตรงนี้คือสิ่งที่ กบอ.ดำเนินการ ผมไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.และไม่อยากเป็น ยังรู้เรื่องและสั่งการแก้ไขเลย ถามว่าผู้บริหาร กทม.ทำอะไร อยากรู้จัง กินไวน์หรือไปเที่ยว จากนั้นจะลงพื้นที่และรายงานให้ประชาชนรับทราบ และเจ้าหน้าที่ กทม.ยังบอกว่าเจ้านายไม่ใส่ใจเท่าใดเพราะอ้างในทำนองว่าเป็นหน้าที่รัฐบาล” นายปลอดประสพกล่าว
เมื่อถามว่าถุงทรายและบิ๊กแบ็กจำนวนมากยังไม่มีการเคลื่อนย้าย นายปลอดประสพกล่าวว่า มีการติดป้ายว่าจะเคลื่อนย้ายแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ หากถามว่าน้ำท่วมอีกครั้งในปีนี้ น้ำ คงจะท่วมบ้านของผู้ว่าฯ กทม. แต่ตนพยายามว่าหากเป็นแบบนี้พื้นที่รับน้ำในทุ่งรังสิต ซึ่ง กทม.รับมาดำเนินการแต่ยังไม่จัดการนั้น ตนจะไปเลือกมาดำเนินการขุดลอกเอง แต่ กทม.ต้องตอบตนว่าเหตุใดจึงไม่ดำเนินการและหากเซ็นสัญญาและเบิกงบประมาณแล้วไม่ดำเนินการนั้น อย่าให้ตนตรวจสอบพบแล้วกัน ตนให้เวลาสองสัปดาห์กับ กทม.ในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม นายปลอดประสพกล่าวว่า ส่วนผลงานของ กทม.ในการทำงานป้องกันน้ำท่วมนั้น ตนพอใจร้อยละ 50 เพราะมีอายุทำงานต่อไปอีกไม่กี่เดือนเท่านั้น